AJA อมรไม่เคยสิ้นหวัง

วานนี้ มีโอกาสพบหน้าผู้ชายที่นักลงทุนหลายคนถามหา โดยบังเอิญ


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

วานนี้ มีโอกาสพบหน้าผู้ชายที่นักลงทุนหลายคนถามหา โดยบังเอิญ

นาย อมร มีมะโน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (AJA)  หรืออดีตคือ บริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD

พบกันคราวนี้ คิดว่าจะได้เจอหน้าหมองๆ เพราะราคาหุ้น AJA ตอนนี้อยู่ที่พวกเหนือ 0.60 บาทนิดหน่อยเท่านั้นเอง…ที่ไหนได้ หน้าผ่องเป็นยองใยเชียว เหมือนไปทำเบบี้เฟซมาหมาดๆ

สมกับฉายาที่มีคนตั้งชื่อว่า พระเอกตัวจริง เพราะ…. ยืดได้ และ หดได้

ในอดีต เวลาที่คิดแผนธุรกิจ เสี่ยอมร อดีตเจ้าพ่อใหญ่ขายเครื่องไฟฟ้าตลาดล่าง ต้องคิดใหญ่…..ไม่คิดเล็ก

เวลาก้าวพลาด ก็ยอมรับว่าพลาด ไม่มีบ่ายเบี่ยงอ้อมค้อม

แต่เวลาประสบความสำเร็จก็ไม่อายที่จะยอมรับ…. ตามคำขวัญ พระเอกตัวจริง…แม้ว่าตอนหลังๆ เนี่ย จะคบตลกตัวจริงมากขึ้น… ก็เป็นวิถีธุรกิจ

เจอกันทั้งที แม้จะมีเวลาไม่มาก ก็ต้องสนทนาต้าอ้วยเรื่องของความสัมพันธ์กับเสี่ยยักษ์ หรือ นาย วิชัย วิชิรพงศ์ เจ้าของเฟซบุ๊คดัง “พ่อสอนลงลงทุน” ที่ดูเหมือนจะมีลักษณะ “น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ” กันไปไม่นาน

เสี่ยอมร บอกว่า ยังมีความสัมพันธ์ พูดคุยกันดี ไม่มีปัญหาส่วนตัว แม้ว่าแนวทางการทำธุรกิจจากนี้ไปจะแตกต่างกัน และคิดไม่เหมือนกัน

เพราะอย่างไรเสีย AJA ก็ยังต้องถือหุ้น ในกิจการที่เคยเป็น “ลูกล้างผลาญ” อย่างบริษัทเจ้าของตู้เติมสบาย บริษัท เวนดิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (VDC) ที่ตอนนี้ลดฐานะลงเป็นแค่บริษัทร่วมลงทุนธรรมดาได้ …ต่อไป

แล้วเสี่ยยักษ์เอง ก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นสำคัญระดับ 4-5% ใน AJA ต่อไปด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเบาะแว้งอะไรกัน

ปัญหาของเสี่ยอมรยามนี้ จึงไม่ใช่เรื่องเสี่ยยักษ์ ….แต่เป็นเรื่องอนาคตของตัวเสี่ยอมรเองที่ต้องหาทางสร้างสตอรี่มาสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นของ AJA ให้ได้ เพราะราคาหุ้นตอนนี้ต่ำเตี้ยเกินไป จากการที่นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

เสี่ยอมรยืนยันสั้นๆ ว่า ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าของบริษัท ยังขายได้ และทำกำไรต่อไป แม้ว่าเครื่องเล่นวิดีโอจะหมดอนาคต แต่สินค้าอื่นก็ยังขายได้ แม้จะมีปัญหาการแข่งขันรุนแรง…แถมยังขยายตลาดไปหลายโปรดักต์มากขึ้น เช่นแอร์คอนดิชั่น เป็นต้น…ทั้งหมดนี้ภายใต้แบรนด์ AJ ที่คนรู้จักกันดีมายาวนาน

แต่นั่นยังไม่พอ เพราะเสี่ยอมรกำลังวาดฝันที่ยิ่งใหญ่ไกลกว่านั้น…ตามประสานักธุรกิจผู้ไล่ล่าความฝัน และสร้างความหวัง

ครั้งนี้ฝันยังเพิ่งถูกวาดขึ้นมา และยังไม่บรรลุเป้าหมาย… แต่ก็ปริ่มเต็มที

เสี่ยอมรบอกว่า ฝันครั้งนี้ ไม่ได้เลื่อนลอย แต่เอาจริงเอาจังเช่นเดิม และวาดหวังว่าจะเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ รับกระแสธุรกิจ นั่นคือ การก้าวเข้าสู่ธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน และธุรกิจชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์หรือ ชาร์จจิ้ง สเตชั่นที่หลายบริษัทกำลังรุกเข้าไปตามกระแสโลก

“ตอนนี้ยังไม่ได้มีรายละเอียดอะไร บอกได้แค่ว่ากำลังเจรจากับยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนรายหนึ่ง เพื่อขอให้เราได้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์รถยนต์แต่ผู้เดียวในเมืองไทย”

คำถามคือ คนที่ไม่เคยขายรถยนต์…จะคิดไกลตัวเกินไปหรือเปล่า 

เสี่ยอมรยอมรับว่า ก็เป็นคำถามที่ดี แต่ก็มีทางออก เพราะกำลังหารือกับหุ้นส่วนหรือพันธมิตรขายรถยนต์ในไทยอยู่บางราย เพื่อร่วมกันทำการตลาดในระยะแรก โดยจะต้องทำการตลาดขายรถยนต์และสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พร้อมกันไป เพื่อสร้างตลาดในระยะยาว

จุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนอยู่ที่ด้านราคา เสี่ยอมรระบุว่า ข้อตกลงการค้าอาเซียน-จีนทำให้ไม่ต้องเสียภาษี  นำเข้าเหมือนจากชาติอื่นๆ ทำให้มีโอกาสที่ทำการตลาดได้สะดวก

คำถามต่อไปคือ รถยนต์ค่ายไหนจากจีน และพันธมิตรไทยที่ว่า เป็นใครจากไหน..

เสี่ยอมรบอกว่า รอให้ถึงเวลาที่ทำได้เสียก่อน …พูดไปตอนนี้ คนจะหาว่าขี้โม้ และหลอกขายฝัน

แล้วเสี่ยอมรก็รีบขอตัว อ้างเหตุว่าไปเจรจาต่ออย่างด่วนจี๋ ตามสไตล์คนธุระเยอะ

ข่าวที่ยังเปิดเผยไม่ได้นี้ (เพราะเป็นแค่แผนงานที่ยังไม่บรรลุ)….หวังว่าจะไม่ไปซ้ำรอยกับ “ตู้เติมสบาย” ก็แล้วกัน

ไม่อย่างนั้น การแถลงข่าวใหญ่ครึกโครม ของโครงการมหึมา แต่ลงเอยด้วยการจบลงแบบชีช้ำกะหล่ำปลี จะให้ภาพลักษณ์ AJA เป็นแค่ “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปเป็นบ้องกัญชา” ทุกที

ถึงเวลานั้น เสี่ยอมร อาจจะไม่สิ้นหวัง…..แต่นักลงทุนจะสิ้นหวังเอง

อิ อิ อิ

Back to top button