เริ่มดึงเชง

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังจากถีบตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ต่อจากนั้นเริ่มมีการขายทำกำไรออกมาเป็นระลอก แต่ยังมีการดันหุ้นบางตัวสวนภาวะตลาดขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางคำถามของผู้เล่นมากมายหลายคนว่า เอาไงต่อ? มันเป็นภาพที่ทำให้ม้าแก่ชำนาญทางรู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมดึงเชงเพื่อรอบางอย่าง! สภาพของตลาดหุ้นไทยถึงออกอาการติดๆ ขัดๆ ไงล่ะค่ะ


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยหลังจากถีบตัวขึ้นอย่างร้อนแรง ต่อจากนั้นเริ่มมีการขายทำกำไรออกมาเป็นระลอก แต่ยังมีการดันหุ้นบางตัวสวนภาวะตลาดขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางคำถามของผู้เล่นมากมายหลายคนว่า เอาไงต่อ? มันเป็นภาพที่ทำให้ม้าแก่ชำนาญทางรู้ได้ทันทีว่า นี่เป็นเกมดึงเชงเพื่อรอบางอย่าง! สภาพของตลาดหุ้นไทยถึงออกอาการติดๆ ขัดๆ ไงล่ะค่ะ

*อีกทั้งความคาดหวังที่มีต่อหุ้นขนาดใหญ่แบบสุดโต่งในคราวนี้ ก็เป็นดาบสองคมที่ผู้เล่นต้องบริหารจัดการให้ดี เพราะเที่ยวนี้มันเกิดจากเงินทุนไหลเข้าระลอกใหญ่ โดยปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ความเห็นของผู้คนเลยแบ่งออกเป็นทั้งด้านบวกและด้านลบ ส่งผลให้การเข้ามาเล่นรอบใหม่เป็นแบบแทงกั๊ก จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเจ้าค่ะ

*เนื่องจากอาการวิ่งขึ้นไปถึงระดับ 1,719.60 จุด ต่อจากนั้นร่วงลงมาปิดที่ 1,712.48 จุด ลบไป 1.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.51 หมื่นล้านบาท พวกเดย์เทรดเขาเรียกอาการแบบนี้ว่า ขายลดความเสี่ยง! ไม่มีความจำเป็นต้องถือหุ้นข้ามสัปดาห์ หรืออีกนัยหนึ่งอาจเรียกให้สวยหรูว่า ถอยไปตั้งหลัก!  มันเป็นเพียงการสรรหาคำพูดมาพรรณนาให้ตัวเองดูดี ไม่ได้มีนัยสำคัญเท่ากับคำว่า กำไร..กำไร..แล้วก็กำไร หรอกนะคะ

*ประเด็นนี้ดูได้จากสีทนได้ TOA เริ่มมีการเทขายทำกำไรเพื่อทดสอบแรงซื้อหนาแน่นขนาดไหน? แถมในระหว่างวันมีการยื้อกันไปมาตลอดเวลา ก่อนจะจบลงตรงที่ 31.50 บาท ลบไป 1.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.83 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการพักตัวเพื่อรอข่าวดีบางอย่างเข้ามาเสริม ซึ่งเป็นเรื่องที่นักเล่นต้องเผื่อใจไว้มากพอสมควร เพราะกำลังอยู่ในช่วงแกว่งตัวหาฐานนะซี

*ส่วนในรายของ AQ อันนี้ไม่ต้องมีคำบรรยายให้เปลื้องน้ำลาย เพราะตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 ต.ค. เข้าเทรดครั้งแรก จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 12 ต.ค. ก็ยังมีแรงเทขายออกมาไม่หยุดหย่อน คิดดูแล้วกัน..จากหุ้นที่เทรดครั้งสุดท้ายในราคา 0.22 บาท พอกลับมาเทรดก็พุ่งขึ้นไปแถว 0.31 บาท ต่อจากนั้นโดนสาดทิ้งตลอดเวลาหน้าตาเฉย ก่อนจะจบตรงบริเวณ 0.08 บาท ลบไป 0.01 บาท หรือลงไป 11.11% ด้วยมูลค่า 473.10 ล้านบาท  เดี๊ยนพูดได้แค่ว่า มันจบแล้วค่ะ..นาย!

*สำหรับรายที่ออกลูกแทงกั๊กอย่าง BANPU กลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องจับตาดูให้ดี เพราะไซเคิลของหุ้นออกไปในแนว W-Shape จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจที่เห็นหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 17.18 บาท ลบไป 0.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 0.56 ล้านบาท เนื่องจากภาพใหญ่ของหุ้นเป็นการเคลื่อนตัวในลักษณะบันไดขาขึ้น จึงมีการพักตัวเป็นระยะในระหว่างทางนะจะบอกให้

*เหมือนกับในรายของ PRM มีลักษณะการวิ่งแบบ “ขึ้นวัน ลงวัน” โดยฐานแนวรับสูงขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นช็อตที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกถึงพลังอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในหุ้นตัวนี้ ถึงเชื่อว่า หุ้นจะไต่ระดับขึ้นไปได้อีก เพราะการขึ้นมาปิดที่ 12.60 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 1.65 พันล้านบาท สะท้อนให้รู้ว่า มีคนเข้ามาตะลุมบอหุ้นตัวนี้เยอะไม่ใช่เล่น ขาลุยไม่ควรพลาดโอกาสเข้าเล่นนะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ SQ ไต่เพดานขึ้นอย่างช้าๆ  ท่ามกลางข่าวดีโผล่ให้เห็นเป็นระลอก “โมนิก้า” มองเกมของคนที่มีเงินเย็นมากกว่านักเล่นกลุ่มอื่น เพราะการเปลี่ยนฐานแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิมในแต่ละรอบค่อนข้างนาน ซึ่งเห็นได้จาการขึ้นมาปิดที่ 6.75 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 5.50% ด้วยมูลค่า 500 ล้านบาท ใช้เวลาทั้งหมดเดือนครึ่ง และในระหว่างนั้นก็แกว่งตัวออกด้านข้างอีกพักใหญ่ๆ เจ้าค่ะ

*ส่วนในรายของ ESSO ลากมาปิดที่ 15.40 บาท บวกไป 1.60 บาท ขึ้นไป 11.59% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.14 พันล้านบาท หุ้นขึ้นมาสูงผิดหูผิดตาแบบนี้ ช็อตต่อไปที่ต้องติดตามคงมี 2 ประเด็นหลักๆ เท่านั้น คือแผนธุรกิจ หรือผลประกอบการ ถึงวันนี้คงต้องเกาะติดงบไตรมาส 3 ที่ใกล้จะประกาศออกมา เพราะอย่าลืมว่าหุ้นจะไปต่อหรือจะถอยหลังเข้าคลองต้องวัดกันที่พื้นฐานนะจะบอกให้

*เม้าท์ถึงกระแสผลการดำเนินงาน หุ้นแรงงวดนี้ต้องยกให้ TISCO เพราะราคากระฉูด ขึ้นไปถึงระดับ 86.50 บาท บวกไป 5 บาท หรือ 6.13% ด้วยมูลค่า 1.17 พันล้านบาท ตอบรับผลประกอบการไตรมาส 3 มีกำไร 1.57 พันล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน หลังการตั้งสำรองหนี้สูญลดฮวบ ฟาก NPL  ลดลงมาเหลือแค่ 2.3%  ผลงานมาแรงแซงโค้งขนาดนี้กำไรนิวไฮที่ตั้งไว้ดูยังงั้ยยังไงก็ไม่น่าจะพลาดเป้าไปได้นะเจ้าคะ

*อีกรายที่ยังคงท็อปฟอร์มอย่าง MTLS มีการไล่ราคามาจนถึงระดับ 37.50 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 5.63% ด้วยมูลค่า 2.30 พันล้านบาท การปรับขึ้นรอบนี้ถือเป็น ”ออลไทม์ไฮ” นับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ฟากนักวิเคราะห์อัพเป้าใหม่มาที่ 41 บาท จากความเชื่อกันว่าผลงานครึ่งปีหลังจะออกมาดี หากใครที่มีความเห็นตรงกันก็เชิญลุยกันได้เต็มที่!

*ปิดท้ายกันด้วยหุ้น SVOA หลังได้เห็นราคาหุ้นคัมแบ็รอบใหม่ ล่าสุดลากมาปิดที่ระดับ 2.06 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือ 5.10% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 62.08 ล้านบาท กระแสแรงรอบนี้ “โมนิก้า” อยากให้จับตาดูดีๆ ว่าจะมีเซอร์ไพรส์อะไรออกมาหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ราคาหุ้นน่าจะวิ่งไปถึง 2.20 บาท ได้ไม่ยาก เอาเป็นว่าใครที่อยากจะเห็นภาพชัดๆ ลองกดกราฟราคาหุ้นดูได้เลยเจ้าค่ะ…

Back to top button