ขึ้นวันลงวัน
*ภาวะตลาดหุ้นไทยยังเป็นการปรับตัวแบบขึ้นวันลงวัน หลังจากที่ปรับตัวขึ้นสูงจนเกินงามไปแตะ 1,726 จุดเมื่อต้นสัปดาห์ เวลานี้ก็ถึงเวลาใช้กรรมต้องรับแรง Take Profit ในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปออกมาไม่ขาดสาย พร้อมทั้งถูกกดดันจากหุ้นเจ้าปัญหาที่รูดติดฟลอร์ตลอดทั้งวัน ดัชนีถึงม้วนหัวลงมาพักตัวที่ 1,724.47 จุด ลบไป 2.20 จุด หรือ 0.13% ด้วยมูลค่า 6.29 หมื่นล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ภาวะตลาดหุ้นไทยยังเป็นการปรับตัวแบบขึ้นวันลงวัน หลังจากที่ปรับตัวขึ้นสูงจนเกินงามไปแตะ 1,726 จุดเมื่อต้นสัปดาห์ เวลานี้ก็ถึงเวลาใช้กรรมต้องรับแรง Take Profit ในหุ้นกลุ่มบิ๊กแคปออกมาไม่ขาดสาย พร้อมทั้งถูกกดดันจากหุ้นเจ้าปัญหาที่รูดติดฟลอร์ตลอดทั้งวัน ดัชนีถึงม้วนหัวลงมาพักตัวที่ 1,724.47 จุด ลบไป 2.20 จุด หรือ 0.13% ด้วยมูลค่า 6.29 หมื่นล้านบาท ยังไงล่ะเจ้าค่ะ
*การซื้อขายรายกลุ่มที่ต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้นฝรั่งตาน้ำข้าว กับกองทุนตัวแสบพอเห็นหุ้นไทยขึ้นแรงทีไรวันต่อมาก็จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบสอยหุ้นร่วงระนาวให้เจ็บตัวทุกทีไป การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเซอร์ไพรส์เพราะถือว่าเป็นเหตุการณ์ปกติที่เห็นจนชินตา เห็นทีจะมีแต่รายย่อยที่เข้าเก็บหุ้นรอบใหม่ช่วงอ่อนตัวหวังทำกำไรวันหน้า แต่ประเด็นที่น่าสนใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับของลดราคาที่ซื้อเก็บไว้มันจะใช่ของถูกจริงๆ หรือเปล่าน้า….อิอิ
*ช็อตต่อไปที่อยากให้ติดตามกันชนิดที่ห้ามกะพริบตาเป็นเรื่องของการประกาศงบฯกลุ่มธนาคาร ซึ่งดูเหมือนจะมีการคาดหวังว่าผลประกอบการจะออกมาในแง่บวก แต่ “โมนิก้า” กลับมองประเด็นนี้เป็นเหมือนดาบสองคมที่พร้อมจะเป็นกำลังหนุนให้อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลองได้ในคราวเดียวกัน เพราะอย่าลืมว่าถ้าหากปัจจัยบวกที่วาดฝันเอาไว้ไม่เป็นดั่งหวังตลาดหุ้นไทยเป็นต้องสั่นคลอนทุกทีเจ้าค่ะ
*ประเด็นนี้เห็นได้ชัดในรายของ TMB ถูกแรงเทขายจนหุ้นรูดลงมาอยู่ที่ 2.52 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือ 3.82% ด้วยมูลค่า 1.30 พันล้านบาท หลังประกาศงบฯไตรมาส 3/60 มีกำไร 2 พันล้านบาท โต 8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าที่โบรกฯแทบจะทุกสถาบันคำนวณเอาไว้ว่าสตอรี่หลังจับมือ FWD จะช่วยหนุนกำไรโตทะลัก จุดจุดนี้ทำให้เข้าใจแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ว่าถึงแม้ที่ผ่านมาจะทำดีแค่ไหน แต่หากสิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นแบบที่หมายมั่นปั้นมือก็ต้องถูกทิ้งไปตามระเบียบจ้า
*มาต่อกันกับรายของ HYDRO หยิบยกขึ้นมาเตือนสติแมงเม่าที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองโดยเฉพาะ หลังจากเห็นราคาหุ้นทะยานขึ้นปิดที่ระดับ 1.83 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือ 7.02% ด้วยมูลค่า 150.73 ล้านบาท ถ้า “โมนิก้า” ทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ คงจะเออออห่อหมกกับพวกนักปั่นน่องเหล็กว่าหุ้นทะยานขึ้นมาด้วยพื้นฐานล้วนๆ แต่สิ่งที่ทำให้นิ่งนอนใจไม่ได้คือเรื่องของผลขาดทุนที่เห็นอยู่ทนโท่ตั้งแต่ปี 56 เลยอดคิดไม่ได้ว่าการดันราคารอบนี้จะเป็นเพียงการเรียกแขกเพื่อเข้ามาใช้สิทธิ์จองหุ้นเพิ่มทุนรอบใหม่เท่านั้นหรือเปล่า?
*ปิดท้ายวันนี้คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ “โมนิก้า” จำต้องเจียดพื้นที่น้อยๆ ผืนนี้เขียนถึง “หุ้นลีสซิ่งสีเทา” อีกสักครา จากก่อนหน้านี้ “ซามูไรนอกคอก” ผู้อยู่เบื้องหลังความฉาวโฉ่โดนเช็กบิลยกใหญ่ ประหนึ่งว่าถูกตัดปลายนิ้วก้อยทิ้งเพื่อให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งถึงพฤติกรรมฉ้อฉล
*วานนี้หวนคืนสังเวียนซื้อขายอีกครั้ง หลังถูกแขวนป้ายประจานความน่าอับอายมา 1 วันเต็ม “โมนิก้า” ถือเป็นโอกาสดีสำหรับมิตรรักแฟนเพลงที่เผลอไปข้องเกี่ยวกับหุ้นตัวดังกล่าว เพราะอย่างน้อยถือเป็นโอกาสให้แก้ตัว ผ่อนหนักให้เป็นเบา! ขืนยังรอช้า…จากเผาหลอกจะกลายเป็นโดนเผาจริงนะจ๊ะ..อิอิ
*แม้กระนั้น ราคาเปิดมาวานนี้ก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แถมยังติดฟลอร์ (ค้าง) ตลอดวัน ส่วนวอลุ่มกระดิกไปไหนได้ไม่ไกลแบบนี้ มันหมายถึงรายย่อยจำนวนมากยังออกของสละเรือไม่ได้ วันนี้จึงต้องมาตามลุ้นกันต่อว่าแก๊งซามูไรนอกคอกที่ไม่รู้จะโดนหั่นปลายนิ้วก้อยทิ้งเมื่อไหร่จะเข้ามารับซื้อเพื่อประคองราคาต่อหรือไม่
*พูดถึงรายย่อยติดหุ้นสีเทาตัวนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอยกเครดิตให้กับที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ของบริษัท ผู้ทำหน้าที่เป็นทาสผู้ซื่อสัตย์คอยป่าวประกาศข่าวดี (ลวง) สร้างความหวังให้กับผู้ถือหุ้นอยู่เป็นวรรคเวรจนหลายคนหลงผิดถอนตัวไม่ขึ้น หากยังนึกไม่ออก! เดี๊ยนแนะนำให้ไปเปิดดูเพจแฟนคลับของหุ้นตัวนี้ ซึ่งดีเทลอัปรีย์อื่นๆ จะเป็นอย่างไร เดี๊ยนขออาสามาสาธยายในวันต่อๆ ไปนะคะ จุ๊บ จุ๊บ