ชดใช้กรรม
*การที่ได้เห็นดัชนีปรับตัวลงแรงอีกครั้งด้วยแรงขายหุ้นที่มีอย่างทะลักทะลวงตลอดทั้งวันจนมาลงเอยที่ระดับ 1,707.53 จุด ลบไป 16.94 จุด หรือ 0.98% ด้วยมูลค่า 5.92 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ผิดแปลกไปจากที่ “โมนิก้า” เคยทำนายทายทักเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ดัชนีปรับตัวขึ้นแบบโอเวอร์แอคติ้ง ถึงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องชดใช้เวรกรรมยังไงล่ะเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*การที่ได้เห็นดัชนีปรับตัวลงแรงอีกครั้งด้วยแรงขายหุ้นที่มีอย่างทะลักทะลวงตลอดทั้งวันจนมาลงเอยที่ระดับ 1,707.53 จุด ลบไป 16.94 จุด หรือ 0.98% ด้วยมูลค่า 5.92 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ผิดแปลกไปจากที่ “โมนิก้า” เคยทำนายทายทักเอาไว้ เพราะก่อนหน้านี้ดัชนีปรับตัวขึ้นแบบโอเวอร์แอคติ้ง ถึงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องชดใช้เวรกรรมยังไงล่ะเจ้าค่ะ
*เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ต้องกลับมามองการซื้อขายรายกลุ่มอีกครั้ง ด้วยการแท็กทีมของฝรั่งหัวทองควบคู่กับกองทุนตัวแสบพร้อมใจขายหุ้นไทยแบบทะลักทะลวง ฟากรายย่อยกับโบรกเกอร์ยังคงคอนเซ็ปเดิมคว้าหุ้นขาลงเข้ากระเป๋าไปอีกวัน ในเมื่อความเห็นทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน คงต้องใช้วิจารญาณว่าทีมไหนจะมองเกมได้ถ่องแท้มากกว่า จุดที่สังเกตได้ง่ายสุดเป็นแรง Take Profit ไหลออกมาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว เป็นตัวชี้ได้ดีว่าหุ้นไทยตอนนี้ถึงจุด Over Bought ไปแล้วน่ะสิจ๊ะ
*ถึงแม้หุ้นไทยจะดิ่งเหวแต่สิ่งที่ยังต้องจับตามากที่สุดคงหนีไม่พ้นผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคาร งานนี้ “โมนิก้า” คงไม่ต้องร่ายรำเป็นจีนไทเก๊กให้มากความ เพราะเห็นกันอยู่ว่าราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ที่ใกล้จะประกาศงบฯพากันรูดไม่เป็นท่า ช็อตต่อไปนี้คนใจไม่แข็งพอคงต้องท่องคาถาขอให้แคล้วคลาดตามด้วยสวดมนต์อีกสามจบให้สิ่งที่คิดไม่เลวร้ายไปกว่าที่ฝันก็แล้วกันนะเจ้าค่ะ
*เห็นได้ชัดจากในรายของแบงก์สีม่วงออกอาการเป๋ตั้งแต่เปิดตลาดยันท้ายตลาดทำให้มิตรรักแฟนเพลงใจแป้วกันอีกระลอก เรียกได้ว่าความวัวเพิ่งจะหายความควายก็เข้ามาแทรก รูปแบบการลงลักษณะนี้มันตีความได้ว่าผลงานไตรมาส 3/60 คงไม่มีจุดเซอร์ไพรส์ให้ตื่นตาตื่นใจ หุ้นถึงได้อ่อนระโหยโรยแรงลงมาปิดที่ 148 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือ 1.66% ด้วยมูลค่า 1.45 พันล้านบาทยังไงเล่า
*เมื่อนักลงทุนผิดหวังจากหุ้นบลูชิพที่แดงเดือดเลือดสาด ก็พยายามหาที่ยึดเหนี่ยวด้วยการคว้าหุ้นต่ำสิบอย่าง TVD ขึ้นมาเล่น ล่าสุดลากมาปิดที่ระดับ 1.39 บาท บวกไป 0.09 บาท หรือ 6.92% ด้วยมูลค่า 10.30 ล้านบาท รูปแบบการขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยประกอบกับผลงานที่ยังขาดทุนอ่วม จะให้ “โมนิก้า” ใจจืดใจดำนั่งดูเม่าบินเข้ากองไฟได้ยังไงล่ะคะ อย่าลืมนะว่าหุ้นที่ดีควรจะขึ้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน….คิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่าจ๊ะ B1
*ในรายของ GRAMMY ยังวิ่งแรง 3 วันติดต่อกัน ล่าสุดได้เห็นราคาหุ้นทะยานขึ้นมาที่ 13.20 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 3.12% ด้วยมูลค่า 32.97 ล้านบาท การปรับขึ้นรอบนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับหนังทำเงิน “ฉลาดเกมส์โกง” โกอินเตอร์ไปถึงจีนโกยเงินหยวนเป็นกอบเป็นกำ แต่จุดที่ “โมนิก้า” สนใจคงเป็นเรื่องของผลงานไตรมาส 3 ที่หวังเหลือเกินว่าจะกู้หน้าให้กับ “อากู๋” เพราะที่ผ่านมาตัวเลขขาดทุนมันแสดงออกมาทางงบการเงินให้แฟนคลับใจแป้วน่ะสิเจ้าคะ
*ก่อนจะไปตบท้ายด้วยประเด็นแรงๆ ขอแวะมาที่หุ้น CBG หลังจากได้เห็นการพุ่งสวนภาวะตลาดทำนิวไฮตั้งเข้าตลาดฯ ลากมาปิดที่ 98.50 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 3.34% ด้วยมูลค่า 869 ล้านบาท นับเป็นอีกรายที่ติดทำเนียบหุ้นฟอร์มดีครึ่งปีหลัง “โมนิก้า” เกือบจะเชียร์สุดตัวแล้ว แต่ดั๊นไปเห็นสัญญาณเทคนิคก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แหม…โบราณเขาว่าไว้ยิ่งสูงยิ่งหนาวนะเจ้าคะ
*วันนี้ “โมนิก้า” จำใจต้องเอ่ยถึงหุ้น “ลีสซิ่งสีเทา” ให้ระคายหูอีกครา…ถึงแม้จะเห็นราคาหุ้นติดฟลอร์เป็นวันที่สองแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกยินดียินร้ายสักเท่าไหร่ เพราะผลของกรรมที่ทำมาเห็นอยู่ทนโท่ว่ายังต้องชดใช้ไปอีกนาน แต่สิ่งที่ทำให้ต้องพูดถึงมันไม่ใช่เรื่องของราคาหุ้นน่ะสิ เวลานี้มันเป็นเรื่องของแผนธุรกิจและการสรรหาว่าที่ประธาน (คนใหม่) ที่ยังไม่คืบ เห็นทีแฟนคลับคงต้องปูเสื่อรอ (บนพื้น) ไปอีกสักระยะนะเจ้าค่ะ
*ดูเหมือนความฉาวโฉ่ที่เหม็นเน่าคละคลุ้งจะไปเตะตาบริษัทจัดอันดับยักษ์ใหญ่เข้าให้ ประเด็นที่น่าสนใจตอนนี้เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือที่แทบจะหมดเกลี้ยง! เมื่อ “ทริส เรทติ้ง” ออกมาหั่นเครดิตหุ้น GL ปรับแนวโน้มเป็น “ลบ” สะท้อนความเสื่อมถอยของธุรกิจ งานนี้ต่อให้ยืนบีบน้ำตาจนไหลเป็นสายเลือดก็คงจะไม่มีใครเห็นใจเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนแล้วแต่มาจากพฤติกรรมฉ้อฉลของ “ซามูไรนอกคอก” เต็มๆ เลยน่ะซิเจ้าค่ะ!