สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,692.58 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 9.15 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.8 หมื่นล้านบาท
นิวส์เวฟ
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,692.58 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 9.15 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.8 หมื่นล้านบาท
* งวดวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม ต่างชาติเป็นเพียงขาเดียวที่ขายสุทธิไป 3,275 ล้านบาท ส่วนขาซื้อสุทธิรายย่อยเดินหน้าเข้าเก็บต่อเนื่องอีก 2,818 ล้านบาท ตามด้วยสถาบัน 313 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 144 ล้านบาท
* หุ้นประเด็นร้อนแรงสุดๆ หนีไม่พ้นกรณีของ PTTEP หรือ พี่เทพ หลังจากประกาศข่าวเซอร์ไพรส์ตลาด (ในเชิงลบ) ด้วยการตัดสินใจตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ใน “โครงการออยล์ แซนด์” มูลค่าสูงถึง 1.8 หมื่นล้านบาท จึงส่งผลให้หุ้นตกอยู่ในอาการแพนิคทันที โดนแรงขายโถมใส่เข้ามาไม่ยั้งกันตั้งแต่เปิดตลาด และฉุดให้หุ้นปิดลบไปกว่า 4% มาอยู่ที่ 86.25 บาท ขณะที่ PTT ในฐานะหุ้นแม่ของพี่เทพโดนกระหน่ำเทขายด้วยเช่นกัน เนื่องจาก PTT ถือหุ้น PTTEP เป็นจำนวนสูงถึง 65% จึงโดนผลกระทบตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ราคาหุ้นยังดีกว่าพี่เทพหน่อย เนื่องจากปิดตลาด PTT ลบแค่ 1.44% และสิ้นสุดการซื้อขายที่ 410 บาท
* ขณะที่ฝั่งวงการเงินเกิดปรากฏการณ์ “เสียงแตก” ขึ้นมาในทันที โดยฝั่งหนึ่งให้น้ำหนักในการใช้โอกาสเข้าสะสมหุ้น PTTEP เพราะถือเป็นจังหวะที่เข้าเก็บหุ้นได้เพื่อเล่นเก็งกำไร และปัจจัยลบที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องกดดันเพียงระยะสั้น ขณะที่อีกฝั่งแนะนำให้ขายออกไปก่อน เนื่องจากยังไม่รู้ในอนาคตจะมีตั้งด้อยค่าอีกหรือไม่ โดยมองความเสี่ยงต่อไป คือ โครงการโมซัมบิกแอลเอ็นจี เพราะถือเป็นก้อนใหญ่ไม่เบา (หากมีการตั้งด้อยค่า)
* งานนี้ นิวส์เวฟ ขอบอกให้นักลงทุนตั้งสติกันให้ดี เนื่องจากการตั้งด้อยค่า เป็นเพียงรายการทางบัญชีเท่านั้น และไม่ได้กระทบต่อเงินสดของ PTTEP ที่มีอยู่ในมือระดับเกิน 1 แสนล้านบาท ทำให้ในเชิงพื้นฐานแล้วพี่เทพก็ยังคือพี่เทพเช่นเดิม ซึ่งเป็นบริษัทมีความพร้อมเติบโตต่อเนื่องในอนาคต มีอัพไซด์จากการเข้าประมูลสัมปทานบงกช-เอราวัณที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน แต่อีกด้านต้องยอมรับความจริงว่า ความเสี่ยงการตั้งด้อยค่า ยังคงไม่หนีจางหายไปไหน และยังไม่รู้ว่าจะโผล่เมื่อไหร่เช่นกัน
* ดังนั้น คนที่จะชิงจังหวะเข้าเก็บหุ้น PTTEP ต้องมองให้ครอบคลุมทั้งในด้านเชิงบวกและความเสี่ยงในอนาคต หากคิดว่ารับความเสี่ยงได้ จังหวะดีที่สุดเข้าเก็บหุ้นน่าจะเป็นช่วงหลังวันที่ 3 พฤศจิกายน ซึ่งบริษัทประกาศงบออกมาเป็นทางการแล้ว หากงบไตรมาส 3 ไม่ได้ขาดทุนกว่าที่ตลาดคาดไว้แถว 9,000-10,000 ล้านบาท ช่วงนั้นแรงขายน่าจะสะเด็ดน้ำกันไปแล้ว จึงอาจเป็นจังหวะดีเข้าสะสม แต่หากคิดว่าไม่สามารถรับความเสี่ยงทั้งหมดได้ แนะนำมองไปหุ้นตัวอื่นเลยดีกว่า เพราะน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุดแล้ว
* หุ้น IRPC สงสัยจะโดนเหมารวมไปคู่กับประเด็นของ PTTEP ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้เกี่ยวกันเลยสักนิด ราคาหุ้นล่าสุดปิดลบ 6.30 บาท รวม 4 วันทำการล่าสุด ลดลงไปแล้วกว่า 5% ถือเป็นการลดลงแบบไม่สมเหตุผลเป็นอย่างมาก ในเชิงพื้นฐานหุ้น IRPC ยังคงน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะตัวงบไตรมาส 3 ที่เห็นว่ามีโอกาสโชว์ GIM สูงแตะระดับ 15 เหรียญฯ จากแรงหนุนของค่าการกลั่น-บุ๊คสต๊อกเกนน้ำมัน จึงผลักดันให้บริษัทมีโอกาสทำกำไรสูงแตะ 3,000 ล้านบาท ถือเป็นของดีที่ไม่ควรมองข้าม ราคาเป้าหมายโบรกฯ ให้ไว้ 7.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง
* หุ้นเล็กน่าเก็บอีกรายขอเลือก WICE เพราะล่าสุดราคาหุ้นเริ่มขยับตัว เตรียมรอรับการประกาศงบกันแล้ว ปัจจุบันมาซื้อขายแถว 4.66 บาท ยังคงไม่ช้าเกินไปที่จะเข้าลงทุน เพราะหากเทียบกับพื้นฐานแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตทั้งในเชิงระยะสั้นหรือระยะยาว โดยเฉพาะงวดไตรมาส 3 ที่เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ พร้อมกับบุ๊ครายได้ SEL เข้ามาเต็มไตรมาส ส่วนช่วงไตรมาส 3 ปีก่อนบุ๊ค SEL ได้เพียงครึ่งไตรมาสเท่านั้น ทำให้ผลการดำเนินงานออกมาสดใสแน่นอน ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท
* ปิดท้ายด้วยหุ้นร้อนจำนวน 2 หลักทรัพย์ ที่โดนประกาศใช้เกณฑ์ระดับ 1 Cash Balance โดยรายแรก คือ AQ เริ่มมีผลตั้งแต่ 24 ต.ค.-1 ธ.ค. ส่วนรายที่สองหุ้น III ขานี้ถูกสั่งขยายเวลาดำเนินการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 24 ต.ค.-10 พ.ย.นี้