GL หมูไม่กลัวน้ำร้อน
ราคาหุ้นของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เมื่อวานนี้ หลังจากปลดเครื่องหมาย SP เพราะถูกขึ้นเครื่องหมายมาตั้งแต่เช้าวันศุกร์สัปดาห์ก่อน วิ่งบวกแรงชนิด "กินยาผิดซอง" กันเลยทีเดียว แถมมูลค่าซื้อขายก็กลับมาคึกคักชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เมื่อวานนี้ หลังจากปลดเครื่องหมาย SP เพราะถูกขึ้นเครื่องหมายมาตั้งแต่เช้าวันศุกร์สัปดาห์ก่อน วิ่งบวกแรงชนิด “กินยาผิดซอง” กันเลยทีเดียว แถมมูลค่าซื้อขายก็กลับมาคึกคักชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
ราคาเห็นเมื่อปิดตลาดที่ระดับ 9.90 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือมากกว่า 8% จะบอกว่าเป็นปกติก็คงไม่ใช่ หากมองจากอนาคตอันหมิ่นเหม่ข้างหน้าที่มีหุบเหวรอท้าทายอยู่ ….จากคำสั่งของ ก.ล.ต. ให้บริษัทแก้ไขงบการเงินโดยเร็ว
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนบางกลุ่ม ช่างน่ายกย่องเสียนี่กระไรในความกล้าหาญระดับ “สตั๊นแมนเรียกป๋า“….อาจจะมีส่วนเชื่อมโยงเข้ากับความเคลื่อนไหวแต่งตั้งประธานคณะกรรมการบริษัทคนล่าสุดที่แจ้งวานนี้ ก็เป็นไปได้ แต่…จะถูกต้องหรือไม่ ยากจะให้คำตอบ
เมื่อวานนี้ตอนเช้า GL ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันศุกร์ (20 ต.ค.) ได้มีมติแต่งตั้งนายทัตซึยะ โคโนชิตะ ขึ้นเป็นประธานกรรมการ โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
การแต่งตั้งน้องชายของนายมิตซึจิ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ “เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ” แต่ก็ถือได้ว่า เป็นแค่การดำรงตำแหน่งชนิด “ขัดตาทัพ” เท่านั้น เพราะมีการแจ้งเพิ่มเติมแนบท้ายว่า บริษัทอยู่ระหว่างการสรรหาประธานกรรมการคนใหม่ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและมีสัญชาติไทยตามคำแนะนำจากคณะกรรมการ โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสรรหาผู้ที่เหมาะสมภายใน 6 เดือน
สำหรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารนั้น ที่ประชุมมีมติยังไม่แต่งตั้งผู้ใดจนกว่าบริษัทจะสามารถหาผู้ที่เหมาะสมได้ โดยเห็นว่าขณะนี้จะเป็นการเหมาะสมกับบริษัทมากกว่าที่จะให้คณะกรรมการทำการหารือและตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของกลุ่มบริษัทแทนการแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เพียงผู้เดียว
มตินอกเหนือจากแต่งตั้งประธานคนใหม่แทนนายมิตซึจิแล้ว มีสาระสำคัญที่น่าสนใจตรงที่ คณะกรรมการมีมติให้ตั้ง “คณะกรรมการจัดให้มีการตรวจสอบพิเศษ” ในเงินที่ให้กู้ยืมแก่ผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ โดยคณะกรรมการประสงค์จะ”….สรรหาสำนักงานสอบบัญชีที่มีความเป็นอิสระ และน่าเชื่อถือเพื่อตรวจสอบรายการเงินให้กู้ยืมดังกล่าว….” โดยบริษัทได้เริ่มขึ้นตอนการสรรหาแล้วและคาดว่าจะสามารถเลือกและแจ้งให้นักลงทุนทราบได้ภายใน 1 เดือน
พร้อมกันนี้ให้บริษัทปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมถึงข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่3 97/2560 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2560 เรื่อง ก.ล.ต. ให้ GL แก้ไขงบการเงินให้ถูกต้องโดยเร็ว
คำสั่งของ ก.ล.ต.ดังกล่าวระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ก.ล.ต.กล่าวโทษผู้บริหาร GL ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในความผิดเกี่ยวกับการทุจริต เข้าข่ายเป็นธุรกรรมอำพราง การยักยอก ยินยอมให้ลงบัญชีและทำบัญชีไม่ตรงต่อความเป็นจริง จึงมีผลทำให้งบการเงินของ GL แสดงรายการเงินให้กู้ยืมสูงกว่าความเป็นจริง 54 ล้านเหรียญสหรัฐ และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมตามสัญญาอยู่ที่ร้อยละ 14-25 ต่อปี จึงส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยจากการประกอบธุรกิจสูงกว่าความเป็นจริงไปด้วย …….ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงทำให้งบการเงินของ GL ไม่เป็นไปตามมาตรา 56 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ หาก GL ไม่แก้ไขงบการเงิน แบบรายงาน 56-1 และแบบรายงาน 56-2 ให้ถูกต้อง ตรงต่อความเป็นจริงโดยเร็ว
แม้คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ระบุเงื่อนเวลาในการแก้ไข แต่ก็รู้ดีว่าในทางปฏิบัติ GL ต้องทำงานร่วมกับผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งมีเงื่อนไขที่ ก.ล.ต.ระบุชัดเจนว่า “กรณีที่ผู้สอบบัญชีพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก็อาจทำให้จำนวนเงินที่ GL ต้องแก้ไขในงบการเงินเพิ่มขึ้นจากที่กล่าวข้างต้นได้”
นั่นหมายความว่าโดยพฤตินัยแล้ว งานแก้ไขงบการเงินของ GL ต้องย้อนหลังกลับไปตรวจสอบ “เส้นทางการปล่อยเงินกู้พิสดาร” ให้กับลูกค้าต้องสงสัยในสิงคโปร์ และไซปรัส…ที่อาจกินเวลายาวนาน
คำว่า “ยาวนาน” หมายความว่า ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ มีความเสี่ยงที่ GL อาจจะต้องขอเลื่อนส่งงบการเงินไตรมาสสามออกไปอย่างไม่มีกำหนด….ผลพวงที่ตามมาหนีไม่พ้นที่ GL สุ่มเสี่ยงที่จะต้องถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ครั้งต่อไปยาวนาน
ใครที่ไม่เชื่อว่าเป็นไปได้ ขอเชิญไล่ล่าราคาตามสบาย
ใครที่เชื่อว่าเป็นไปได้ อยู่ห่างๆ เข้าไว้ ก่อนจะกลายเป็นแมงเม่าปีกหัก
งานนี้ ไม่มี อิ อิ อิ
เพราะ….มีแต่ จุ๊ จุ๊ จุ๊…..มีแต่หมูตายแล้วเท่านั้น ที่ไม่กลัวน้ำร้อน