กองทุนดันหุ้น

เจาะกระดาน :โมนิก้าและทีมงาน

*นี่เป็นอีกครั้งที่ “โมนิก้า” มองเห็นรูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนที่ผ่านมา ส่งผลให้รูปแบบการทะยานขึ้นของหุ้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ หลังหุ้นบลูชิพบางตัวทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง ขณะที่หุ้นบลูชิพบางตัวก็โดนเทขายทำกำไรเบาๆ ส่วนหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กก็ผลัดกันวิ่งขึ้นวิ่งลงกันอย่างสนุกสนาน เหมือนเป็นการตอกย้ำว่า หุ้นจะขึ้นด้วยผลงานเป็นหลักนะคะ

*จังหวะการลงทุนเที่ยวนี้ถึงขึ้นอยู่กับกองทุนตัวแสบอ่านเกมเป็นแบบไหน? ส่วนปอบผีฟ้ามองดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1,700 จุดเป็นอย่างไร? ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวหันมาเทขายหุ้นต้องการสื่ออะไร? หรือแม้กระทั่งแมงเม่าเทขายหุ้นออกมาเมื่อดัชนีวิ่งขึ้นแรงทำไม? “โมนิก้า” ถือเป็นตัวแปรที่ส่งผลต่อการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ จึงต้องละเอียดกันนิดหนึ่งพะยะค่ะ

*เนื่องจากดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,708.84 จุด บวกไป 7.03 จุด ด้วยมูลค่า 5.76 หมื่นล้านบาท โดยแกนหลักมาจากแรงซื้อของกองทุนตัวแสบล้วนๆ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องที่ออกไป “โทนบวก” และ “โทนลบ” ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า หุ้นที่ขึ้นแรงเที่ยวนี้ มีกองทุนตัวแสบคอยคุมเกม และน้ำหนักที่เอามาปั่นกระแสในเที่ยวนี้ ก็คงมาจากเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 อีกตามเคยเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ TOA กลายเป็นหุ้นที่นักเล่นกระโจนใส่มือเป็นระวิง จนหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 35.50 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.65% ด้วยมูลค่า 2.87 พันล้านบาท ทั้งที่ 3 วันก่อนยืนอยู่แถว 32 บาท มันเป็นผลมาจากตัวเลขผลประกอบการมีแนวโน้มไปได้สวยใช่ไหม? เพราะวันนี้หุ้นเทรดบนค่า P/E 34 เท่าไปแล้ว แต่ยังมีคนกล้าเล่นตามแบบนี้..มันมาจากความเชื่อล้วนๆ นะจะบอกให้

*ทรงเดียวกับหุ้น กระบือ..อุ๊ย..คาราบาว CBG ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 2 เดือน จากหุ้นที่เคยย่ำต๊อกต๋อยอยู่ที่บริเวณ 67 บาท ล่าสุดบวกต่อตามภาวะตลาดหุ้น ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 106  บาท  บวกไป 7.25  บาท  ด้วยมูลค่า 975 ล้านบาท พร้อมกับเข้าเขตซื้อมากเกินไป “โมนิก้า” มองเป็นลักษณะของหุ้นที่ชอบโชว์พลังแบบเต็มที่ มันเสี่ยงเกินไปที่จะตามไปดูนะคะ

*หากผู้เล่นชอบความเสี่ยงเป็นจิตใจ “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันมามองหุ้นฉาว GL ยังคงแสดงอาการดื้อดึงแบบไร้เหตุผล บวกกับมีพวกขุนพลอยพยักคอยเป็นกำลังเสริม สถานการณ์ของหุ้นถึงบิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริงตลอดเวลาแบบนี้ มันเข้าตามตำราที่ว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” จึงไม่มีความจำเป็นต้องที่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ เพราะแค่มองผลจากการถูกสั่งให้แก้งบ พร้อมกับตรวจสอบเส้นทางการเงิน มันก็เห็นแล้วว่า จุดจบจะเป็นเช่นไร? หุ้นถึงอ่อนตัวลงมาปิดที่ 10.10 บาท เหลือบวกแค่ 0.20 บาท ด้วยมูลค่า 1.20 พันล้านบาท..แสดงว่า ไม่มีคนแห่ตามใช่ไหม?

*มาต่อกันที่หุ้นปิโตรเคมี IVL กระชากขึ้นสวนข่าวร้ายในช่วงภาคบ่าย ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดเสมอตัวที่ระดับ 44.75 บาท ด้วยมูลค่า 2.17 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของอุบัติเหตุทางธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่าจะมีอะไรซีเรียสมากเกินไป หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ “บุญมีแต่กรรมบัง” จึงต้องให้เวลาในการเซ็ทตัวขึ้นมาใหม่อีกระยะหนึ่ง..งานนี้เอาแบบช้าแต่ชัวร์ดีกว่านะคะ

*อีกหนึ่งช็อตเด็ดที่ไม่ควรมองข้าม แถมเป็นหุ้นมาเป็นรอบ “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น BCPG ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมตลอดทางมีวอลุ่มหนุนเข้ามาไม่ขาดสาย แต่เผอิญในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีลักษณะแกว่งตัวย่ำฐานเพื่อรอจังหวะเทกตัวขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 21.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่า 1.30 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะลุ้นให้ผ่านยอดเก่า 22 บาทเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะมีแรงผลักให้หุ้นวิ่งไปอีกไกลเจ้าคะ

*ส่วนรายที่ชัวร์ยิ่งกว่าชัวร์ ต้องยกให้ขวัญใจยุคแรกๆ อย่างหุ้น EA มีแบ็กอัพเรื่องผลประกอบการหนุนหลังแบบสุดตัว และที่ผ่านมาพยายามทดสอบแนวต้าน 42 บาทมาหลายรอบ แต่เริ่มเห็นน้ำเห็นเนื้อมากสุด ก็ในจังหวะพักตัวในกรอบแคบๆ ช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้แหละ แสดงว่า มีนักเล่นบางกลุ่มแอบเข้ามาเก็บหุ้นแบบเงียบๆ ก่อนที่ไก่จะตื่นแน่ๆ..ไม่เชื่อถาม “น้องอมร” ดูนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ FSMART มีของดีอยู่ในตัวเองตั้งเยอะแยะ แต่ยังไม่เอาออกมาโชว์ให้ผู้คนได้เห็นหมดเปลือก หุ้นถึงสวิงสวายในทิศทางขาขึ้นเป็นเวลานาน ล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 20.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 320 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องโหนกระแสในทันที เพราะน่าจะมีข่าวดีออกมาให้ผู้คนได้ชื่นชมในไม่ช้านะซี