หมดแรง

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หลังจาก “โมนิก้า” ใช้เวลากับการเผือกเรื่องชาวบ้านไปพอสมควร วันนี้ก็ถึงเวลากลับมาดูความจริงที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเสียที หลังฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาแบบกระท่อนกระแท่น รวมทั้งท่าทีของนักเล่นในประเทศก็ไม่สุดซอยเหมือนเมื่อก่อน ดัชนีเลยมีอาการเดินหน้า 1 ก้าว ถอยหลัง 2 ก้าว และมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะลงมาตั้งฐานบริเวณเส้นแนวรับ  10 วันตรงระดับ 1,712 จุดนะจะบอกให้

*ประกอบกับหุ้นหลายตัวเด้งรับข่าวดีไปค่อนข้างเยอะ และหุ้นบางตัวเพิ่งซึมซับข่าวร้ายยังไม่เต็มที่ “โมนิก้า” ถึงมองว่า ยังไม่ถึงเวลาหุ้นที่จะแรลลี่ยาว อีกทั้งการขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 1,730 จุดเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงระยะเวลาสัปดาห์นิดๆ ย่อมเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า มีความพยายามที่จะดันดัชนีให้ทะลุด่านหิน แต่แรงซื้อไม่มากพอเหมือนดั่งที่หวัง แรงเทขายเลยเข้ามาแทนที่ไงล่ะค่ะ

*สถานการณ์ข้างต้นบอกอะไรให้รู้บ้าง “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า ตลาดหุ้นจะกลับเข้าสู่โหมดเล่นรอบอีกรอบ หุ้นที่มีผลงานดีจะทะยานขึ้นทำ new high ได้เรื่อยๆ ส่วนหุ้นที่มีผลงานทรงๆ จะม้วนตัวกลับไปที่ฐานเดิมก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นจังหวะที่ทำให้นักเล่นมีเวลาคิดก่อนจะเข้าตะลุยสุดตัว เดี๊ยนถึงไม่ได้มองตลาดหุ้นไทยดีแบบโอเว่อร์ และไม่ได้มองตลาดหุ้นในแง่ร้ายเกินไปเจ้าค่ะ

*ที่น่าสนใจกว่าประเด็นอื่นคือ นักเล่นจำนวนไม่น้อยอ่านเกมออก และใช้จังหวะดังกล่าวเทขายหุ้นทำกำไรออกไปก่อน หลังยึดคติว่า กำไรน้อยๆ แต่กำไรนานๆ “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 1,714.55 จุด ลบไป 6.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.80 หมื่นล้านบาท มันเป็นเรื่องการปรับพอร์ตลงทุนเพื่อความคล่องตัว ในเมื่อเห็นกันเต็มสองลูกตากลมๆ ว่า จังหวะนี้ทำกำไรงามสุดนะซี

*เหมือนกับในรายของ SPRC ทะยานขึ้นทำ new high ที่บริเวณ 18.40 บาทได้ไม่ทันไร หลังจากนั้นอีก 3 วันมีการรินหุ้นออกมาเรื่อยๆ แต่โดนหนักสุดในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี่แหละ..วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 16.60 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่า 864 ล้านบาท พร้อมกับปรากฏข่าวค่าการกลั่นเดือน ต.ค. ลดลงอย่างมีนัยสำคัญแบบนี้ ควรจะถือหุ้นต่อไป หรือเลือกจะขายหุ้นออกไปก่อนล่ะค่ะ

*อีกหนึ่งรายที่มีสตอรี่ใกล้เคียงกับรายข้างต้น แต่โดนจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบไม่แพ้กัน “โมนิก้า” คงต้องหันมามองปูนใหญ่ SCC เป็นรายถัดมาในทันที เพราะเป็นหุ้นที่โดนกระหน่ำขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 480 บาท ลบไป 10 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.40 พันล้านบาท ทั้งหมดเป็นผลมาจากกำไรไม่ประทับใจจอร์จ จึงต้องลงเอยด้วยการแยกทางชั่วคราวนะจะบอกให้

*สำหรับในรายของ IVL อาจแตกต่างจาก 2 รายข้างต้นตรงที่มีการทำธุรกิจครบวงจร จึงไม่มีประเด็นต้องวอรี่อะไรมากมาย วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 47.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่า 2.32 พันล้านบาทแบบชิวๆ เพราะราคาเป้าหมายที่เฮาส์ฝรั่งมองไว้เกิน 60 บาทเสียด้วยซ้ำ จึงเหลือแก๊ปให้นักผจญภัยได้เข้ามาเล่นกันอีกหลายรอบเลยทีเดียวนะคะ

*เหมือนกับในรายของ CGD ทะยานขึ้นแบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก จนสุดท้ายขึ้นมายืนอยู่ที่ 1.39 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 9.45% ด้วยมูลค่า 102 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการไหลตามน้ำแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะโครงการอสังหาฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายหมื่นล้านจะเริ่มให้ดอกผลในไม่ช้า บรรดานกรู้ถึงกระโจนเข้ามาไล่กันอย่างเมามัน..งานนี้น้องโมภาวนาอย่างเดียวว่า ขอให้จริงอย่างที่พี่ไมค์พูดเถอะค่ะ

*เม้าท์ถึงยุทธวิธีไหลตามน้ำขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องหันมามองดาวเด่น UV เพื่อเป็นการย้ำหัวหมุดตัวเดิมว่า ในเมื่อโพสิชั่นของหุ้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การไล่ราคาก็ต้องดำเนินต่อไปเช่นกัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 13 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่า 731 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบน P/E 17 เท่า หุ้นน่าจะไปต่อได้สบายๆ นะคะ

*ส่วนรายที่มีอะไรให้ลุ้นเรื่อยๆ หลังหุ้นขึ้นมามากในเที่ยวนี้ คงต้องหันไปมองที่แม่ลูก JMART กับ JMT เพราะมีข่าวหนาหูเหลือเกินว่า งบไตรมาส 3 จะโตระเบิดระเบ้อชนิดที่คู่แข่งอิจฉากันเลยทีเดียว ราคาหุ้นในกระดานถึงพุ่งขึ้นมายืนอยู่ที่ 19.30 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 9.70% ด้วยมูลค่า 486 ล้านบาท ส่วนตัวลูกก็ไม่ยอมน้อยหน้า วิ่งขึ้นมาปิดที่ 34 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 75 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นสมรภูมิของนักเล่นที่ชอบความท้าทาย หลังหุ้นขึ้นมาเกิน 50% นับตั้งแต่ต้นปีแล้วนะซี