‘บจ.’ (ยัง) โตกว่าจีดีพีลูบคมตลาดทุน

ธนะชัย ณ นคร

 

ปลายอาทิตย์ก่อนหน้านี้มีโอกาสนั่งจับเข่าคุยกับ “พี่ตุ๊” คุณเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

ในวันนั้นคุยกันหลายเรื่อง

แต่มีประเด็นที่น่าสนใจครับ

ผมถามว่า เห็นตัวเลขเศรษฐกิจยังถดถอย ตัวเลขจีดีพีก็ถูกปรับลดคาดการณ์ลง แล้วเป้าหมายของตลาดหลักทรัพย์ฯ เกี่ยวกับตลาดหุ้นจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่

คำตอบของคุณเกศรา คือ “ไม่เปลี่ยน”

เดิมตั้งเป้าระดมทุนของหุ้นไอพีโอไว้ 2.5 แสนล้านบาท

ตรงนี้ยังคงเดิม เพราะตัวเลขนี้วางแผนกันมานานแล้ว หรือเตรียมการกันมาพอสมควร คล้ายกับมีบุญเก่าอยู่ค่อนข้างมาก

มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 5.1 หมื่นล้านบาท

ก็ไม่เปลี่ยนเช่นกัน

เพราะตอนนี้ผ่านมาแล้วเกือบ 5 เดือน มูลค่าการซื้อขายก็ยังเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาท และเชื่อว่าสิ้นปีจะอยู่ระดับนี้

ส่วนการซื้อขายอนุพันธ์ยังคงเป้า 1.96 แสนสัญญา/วัน

ขณะที่ปัจจุบันยอดเทรดอยู่ราว 2 แสนสัญญา/วัน

มีตัวเลขที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีกครับจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์มีบริษัทมาจดทะเบียนทั้งหมดกว่า 5 แสนบริษัท

และในจำนวนนี้ 619 แห่ง เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

และ บจ.ทั้งหมด 619 แห่งนั้น มีอัตราการจ่ายภาษีนิติบุคคล (เฉลี่ยต่อปีหลายแสนล้านบาท) คิดเป็น 60-70% ของบริษัทที่จดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์

ที่น่าสนใจอีกคือ ตัวเลขกำไรสุทธิของ บจ.ในแต่ละปีนั้น จะเติบโตกว่าจีดีพีทุกปี

เช่น ปีนี้ คาดกันว่าจีดีพีจะเติบโตราวๆ 3%

กำไรของ บจ.ก็จะเติบโตมากกว่า

มีการแงะตัวเลขรายได้ของบจ.ออกมาอีกด้วยว่า รายได้จาก 100% นั้นกว่า 45% จะมาจากต่างประเทศ เช่น การส่งออก จึงไม่ได้พึ่งพิงแต่ในประเทศ

ส่วนปี 2557 ที่ออกมาปรับลดลง 11% เป็นผลจากการขาดทุนสินค้าคงคลังและสต๊อกน้ำมันจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง

ทว่า หากตัดในส่วนนี้ออกไป กำไรของบจ.ก็ยังปรับเพิ่มขึ้น 5%

และถือว่าสวนกับจีดีพีที่ปรับเพิ่มไม่ถึง 1%

คุณเกศรา ย้ำครับว่า “บจ.” ของไทยนั้นจัดว่า “ชั้นยอด” ของบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยแล้ว

ยังมีข้อมูลเปรียบเทียบอีกครับ

พบว่า บจ.ของไทยที่เติบโตมากกว่าจีดีพีประเทศ เป็นทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นของไต้หวัน และเวียดนาม ที่ บจ.ของเขาโตมากกว่าจีดีพีเช่นกัน

ส่วนของมาเลเซียนั้นจะต่ำกว่า หรืออยู่ในระดับเดียวกัน

ของสิงคโปร์ก็ต่ำกว่าเช่นกันครับ

และปัจจุบัน บรรดา บจ.ของไทยกว่า 619 แห่งนั้น มีการจ้างงานทั้งหมดกว่า 1.2 ล้านคน

ส่วนพี/อี ตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน คุณเกศรา มองว่าของเรายังค่อนข้างถูกกว่าเขา

ทั้งหมดนี้เป็นตัวเลขสำคัญๆ ของตลาดหุ้นไทยแบบคร่าวๆ นัยสำคัญแบบว่า ก็ยังน่าลงทุนอยู่นั่นแหละ และไม่ได้มีอะไรขี้เหร่แต่ประการใด