ขายแพง ซื้อถูก
*ในที่สุดกองทุนตัวแสบก็แสดงตัวตนที่แท้จริงให้เห็นว่า “ขายแพง ซื้อถูก” ต้องจับจังหวะจะโคนให้เหมาะเหม็ง ถึงจะได้กำไรเนื้อๆ เน้นๆ และยังเป็นการสะท้อนภาพให้เห็นว่า เมื่อใดที่กองทุนตัวแสบหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างจริงจัง ทุกอย่างมักดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และยังทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามไปด้วย แต่ครั้งใดที่กองทุนตัวแสบเริ่มขายทำกำไร ดัชนีมักมีอาการตุปัดตุเป๋ให้เห็นเป็นประจำ “โมนิก้า” จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับความสามารถของกองทุนที่ปล่อยของได้อย่างแยบยลเจ้าค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ในที่สุดกองทุนตัวแสบก็แสดงตัวตนที่แท้จริงให้เห็นว่า “ขายแพง ซื้อถูก” ต้องจับจังหวะจะโคนให้เหมาะเหม็ง ถึงจะได้กำไรเนื้อๆ เน้นๆ และยังเป็นการสะท้อนภาพให้เห็นว่า เมื่อใดที่กองทุนตัวแสบหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นอย่างจริงจัง ทุกอย่างมักดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และยังทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นตามไปด้วย แต่ครั้งใดที่กองทุนตัวแสบเริ่มขายทำกำไร ดัชนีมักมีอาการตุปัดตุเป๋ให้เห็นเป็นประจำ “โมนิก้า” จึงขอปรบมือดังๆ ให้กับความสามารถของกองทุนที่ปล่อยของได้อย่างแยบยลเจ้าค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงพยายามย้ำให้แฟนคลับเข้าใจถึงเรื่อง money game มากกว่าประเด็นอื่นๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นเพียงแค่การหวนกลับมาซื้อแค่สั้นๆ เพื่อเพิ่มรอบในการสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น วานนี้ถึงเห็นกองทุนเริ่มเทขายหุ้นออกมา 770 ล้านบาท ขณะที่ฝรั่งตาน้ำข้าวก็กระโจนเข้าเก็บ 546 ล้านบาท สถานการณ์ของตลาดหุ้นถึงแกว่งไปแกว่งมาไงล่ะค่ะ
*พร้อมกันนั้นก็ทำให้แนวรับ 1,700 จุดยังเป็นจุดทยอยรับของที่สำคัญจุดหนึ่ง และเมื่อดูจากรูปแบบของดัชนีที่ดีดตัวจากระดับต่ำสุดของวันที่ 1,709.81 จุด ก่อนจะประคองตัวปิดไปที่ระดับ 1,714.65 จุด บวกไป 1.90 จุด ด้วยมูลค่า 5.94 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นข้อมูลที่ยืนยันอย่างแน่นหนาว่า ถ้าไม่ได้ฝรั่งตาน้ำข้าวเข้ามาอุ้ม..สภาพตลาดหุ้นคงเละจนดูไม่ได้พะยะค่ะ
*เหมือนกับในรายของ PTTGC เด้งขึ้นอย่างร้อนแรง ราวกับเป็นหุ้นน้องใหม่ “โมนิก้า” ถือเป็นแค่กิมมิคที่นักเล่นต้องอ่านจังหวะให้ขาด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่สำคัญของหุ้น แถมตัวแปรหลายอย่างยังส่อไปในทางลบ และการที่หุ้นพุ่งขึ้นมาปิด 80.25 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่า 2.51 พันล้านบาท ย่อมตีความได้ว่า รีบาวด์! หากจะกลับทิศจริงๆ วันนี้ต้องมีแรงซื้ออัดเข้ามาอีกนะคะ
*สถานการณ์ดังกล่าวคล้ายคลึงกับ SCC วันก่อนเม้าท์ให้ฟังว่า คุ้มกับความเสี่ยงจริงไหม? หลังจากหุ้นลงมาทำ new low ในรอบ 1 ปีให้เห็นเป็นครั้งแรก และดูเหมือนผู้เล่นหลักจะมองว่าไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่จะได้รับ จึงรินหุ้นออกมาอีก จนหุ้นลงมาปิดที่ 472 บาท ลบไป 8 บาท ด้วยมูลค่า 2.88 พันล้านบาท จึงต้องติดตามดูว่า วันนี้ยังมีแรงขายอีกหรือไม่?
*ส่วนในรายของน้อง SCB อาศัยข่าวคนมารับช่วงหนี้สินบริษัทยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์เป็นแรงผลัก หุ้นถึงทะยานขึ้นมาปิดที่ 149 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่า 1.98 พันล้านบาท ถึงกระนั้นถ้ามองให้ลึกซึ้งกว่าเดิมจะเห็นว่า หุ้นตัวนี้อยู่ในไซเคิลเด้งขึ้นอีกรอบ “โมนิก้า” ไม่จำเป็นต้องไปโปรโมตอะไรให้มากความ เพราะแค่เตือนให้ทุกคนรู้ว่า รอบนี้ต้องฝ่าแนวต้าน 150 บาทขึ้นไปให้ได้ และต้องขึ้นไปยืนเหนือ 155 บาทให้สำเร็จ..หากทำไม่ได้ หุ้นจะม้วนตัวลงลึกนะคะ
*เช่นเดียวกับพวกม้าตีนปลาย BCPG วานนี้กระชากขึ้นอย่างร้อนแรง ชนิดหักปากกาเซียนไปหลายด้ามนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของไทม์ไลน์ที่เวียนมาบรรจบพอดี พร้อมกับเกิดจินตนาการกว้างไกลไปถึงขั้นที่ว่า ราคาปิดที่ 24.90 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 1.18 พันล้านบาท เป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่จะหนุนให้หุ้นทะยานขึ้นไปทำ new high อีกระยะหนึ่ง..จริงหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป..อิอิอิ
*สำหรับหุ้นทีเด็ดทีขาดอย่าง SPALI ได้กลายเป็นหุ้นที่ทำให้ “โมนิก้า” เกิดความรู้สึกผิดหวังมาหลายครั้งด้วยกัน วันนี้ถึงไม่อยากจะออกตัวอะไรมากมายกว่าที่เป็นอยู่ บวกกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถฝ่าแนวต้าน 26 บาทขึ้นไปได้ จนสุดท้ายลงมานอนสลบเหมือดอยู่แถว 23 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการทรุดตัวลงมาปิดที่ 24.70 บาท ลบไป 0.30 บาท ด้วยมูลค่า 852 ล้านบาท ใช่จังหวะต้องเข้าไปรับของร้อนอะป่าว?
*ส่วนหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกงงกับท่าทีที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ก็คือ CHG ของมันเห็นกันแบบจะจะ กำลังฟอร์มตัวค่อนข้างดี แต่ทำไมรายนี้กลับตกสำรวจไปเสียอย่างนั้น! แถมมีคำสั่งขายหุ้นแบบสุดซอยออกมาตลอดทั้งวัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นรูดลงมาปิดที่ 2.50 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่า 870 ล้านบาท มันมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า? ในไม่ช้าก็คงมีคนออกมาเฉลยเองแหละค่ะ
*เหมือนกับในรายของ THREL หากดูอย่างผิวเผินย่อมตีความว่า การทะยานขึ้นมาปิดที่ 11.20 บาท บวกไป 1.70 บาท หรือขึ้นไป 17.90% ด้วยมูลค่า 310 ล้านบาทเป็นการเล่นรอบธรรมดาๆ แต่ถ้าเจาะลึกลงไปอีกนิดหน่อยจะเห็นว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นหุ้นพุ่งแรงแบบนี้มาก่อน “โมนิก้า” ถึงกล้าฟันธงว่า งานนี้มีเจ้ามืออย่างแน่นอน และเป็นของร้อนที่เหมาะเฉพาะพวกที่ถนัดทำเร็ว..เชื่อหัวน้องโมเถอะ
*ส่วนรายที่หมดสภาพความยิ่งใหญ่อย่างราบคาบ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ PDI หุ้นที่ทำท่ามาดีตั้งแต่ต้น พอทำไปทำมากลับออกอาการเป๋ให้เห็นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จนวานนี้โดนถล่มลงมากองอยู่ที่ 24.20 บาท ลบไป 4.80 บาท หรือลงไป 16.55% ด้วยมูลค่า 383 ล้านบาท แถมเป็นการอ่อนตัวลงแรงแบบนี้ เดี๊ยนมองเรื่องนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว ทางที่ดีอยู่ห่างๆ ก่อนดีกว่าไหม!