มาเร็ว..เคลมเร็ว

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

* อันที่จริง “โมนิก้า” ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ดัชนีจะพุ่งขึ้นแรงแบบไม่เหลียวหลัง พร้อมกับประกาศศักดาความร้อนแรงไม่เป็นสองรองใคร และเป็นช็อตที่ทำให้นักเล่นสายเทคนิคกระโจนตามกันเป็นพรวนนั้น มันเป็นผลมาจากความเชื่อที่ว่า ดัชนีจะกลับทิศอย่างบูรณาการ หลังเห็นสัญญาณ Doji Star โผล่มาให้เห็นตำตา บวกกับหุ้นขนาดใหญ่มีข่าวดีเข้ามาซัพพอร์ต จึงไม่เวลาครุ่นคิดอะไรมากมายให้ปวดสมองไงล่ะค่ะ

* เมื่อรูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “โมนิก้า” ก็จำเป็นต้องเอ่ยถึงยุทธวิธี “เข้าเร็ว ออกเร็ว” เพื่อทำให้นักเล่นได้มีเวลาปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น ประกอบกับรูปแบบการวิ่งของหุ้นส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะ “ขึ้นแล้วลง” (ยกเว้นบางตัวที่แรลลี่ยาว) จึงต้องเทน้ำหนักไปที่เรื่องพื้นฐานเป็นประเด็นหลัก ต่อจากนั้นค่อยมองสัญญาณเทคนิคของหุ้นแต่ละตัวสวยปิ๊งขนาดไหนเจ้าค่ะ

* ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกเป็นนอยด์เล็กๆ เมื่อเห็นดัชนีพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1,702.63 จุด บวกไป 15.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.05 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นการพลิกตัวที่รวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดให้นักเล่นขาซิ่งกระโจนใส่กันอุตลุด ภาพของการลงทุนถึงออกไปในแนว..โอ้ว บ๊ะละฮึ้ย! เดี๊ยนถึงไม่จำเป็นต้องถามหาเหตุผลในการลุยสุดซอยให้เสียเวลาเคาะขวา เพราะทุกอย่างมันมีคำอธิบายนะคะ

* เหมือนกับการขึ้นของหุ้น IVL มันมาจากเหตุผลของกำไรเติบโตเป็นหลัก จึงมีแรงซื้อไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แม้บางครั้งจะอ่อนตัวลงไปบ้าง แต่สุดท้ายก็กลับมาอยู่ในทิศทางขาขึ้นเหมือนเดิม บวกกับมีข่าวดีเรื่อง MSCI เพิ่มน้ำหนักเข้าลงทุน วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 52.25 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 6.60% ด้วยมูลค่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการวิ่งเข้ามาใกล้เป้าหมายแบบนี้..เตรียมหาช่องทางขายทำกำไรได้แล้วพะยะค่ะ

* ตรงกันข้ามกับในรายของ TOP ทะยานขึ้นมาปิดที่ 95.50 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 3.50% ด้วยมูลค่า 1.38 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ยังเล่นต่อได้แบบชิวๆ เพราะการขึ้นของหุ้นเที่ยวนี้ยังเทรดไม่ถึง P/E 10 เท่า จึงเป็นช็อตที่ไหลตามน้ำได้สบายๆ แถมไม่มีอะไรต้องคิดมากอีกด้วย น่าจะเป็นทางเลือกในการโหนกระแสที่ดีสุดในช่วงที่นักเล่นทุกกลุ่มเล่นเกมโต้กลับเร็วนะคะ

* ประเด็นดังกล่าวดูได้จากหุ้น AMATA แกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลาเดือนกว่าๆ แต่เผลอแป๊บเดียวหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 23.80 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่า 1.19 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่น่าฉงนมากเหลือเกิน บวกกับการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวัน มันทำให้เชื่อว่า นี่เป็นการจงใจทำราคาก่อนงบจริงจะประกาศออกมาดีใช่ไหม? ลองไปคิดกันเล่นๆ นะตัวเอง

* เม้าท์ถึงประเด็นนี้ก็ต้องย้อนไปดูวายร้าย GL ยังคงแผลงฤทธิ์เดชท้าทายอำนาจทางการด้วยการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ 8.15 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 14% ด้วยมูลค่า 516 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดหลักการลงทุนไปเยอะเหลือเกิน เพราะของมันเห็นกันตำตาว่า บริษัทขาดทุนยับ แวลูของหุ้นลดฮวบฮาบ แผนเบ่งกำไรก็ยังมืดมน หรือแม้กระทั่งเกมโยกเงินเพื่อเบ่งสินทรัพย์ก็ทำไม่ได้อีกแล้ว จึงกลายเป็นหุ้นอันตรายที่นักเล่นต้องพึงสังวรณ์ไว้นิดหนึ่งว่า  ครั้งก่อนพลาดไปแล้ว.. ก็อย่าพลาดท่ายุ่นแสบเป็นครั้งที่ 2 นะจ๊ะ

* เช่นเดียวกับในรายของ BEC กำไรไตรมาส 3 ลดลง 86% จากธุรกิจที่ทำกำไรได้ไตรมาสละ 250 ล้านบาท วันนี้กำไรลดลงเหลือ 34 ล้านบาท โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นมาปิดที่ 16.80 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 240 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเหลือเกินในมุมของนักลงทุนสไตล์คุณค่า งานนี้พูดได้แค่ว่า ใครรู้ช่วยบอกด้วย เพราะมันหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ

* ส่วนที่พอฟังได้อย่าง SQ ก็กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจการพลิกขาดทุนในงวดนี้มาจากหน้าฝน ทำให้การดำเนินงานมีอุปสรรคเยอะแยะเต็มไปหมด หรือเม้าท์ง่ายๆ ก็คือ ทำเหมืองไม่ได้! จึงต้องแบกรับต้นทุนในการบริหารงานเยอะกว่าปกติ วานนี้ถึงเห็นหุ้นทรุดตัวลงมาถึง 7.05 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาปิดเสมอตัวที่ 7.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 440 ล้านบาทในช่วงท้ายตลาดแบบนี้..เขาถึงเม้าท์ว่า หุ้นลง หุ้นขึ้น มักมีเหตุผลเสมอ..อิอิ

* เหมือนกับในรายของ AU ทะยานขึ้นแบบไม่เหน็ดเหนื่อย จนวานนี้ขึ้นมายืนอยู่ที่ 11.80 บาท บวกไป 1.30 บาท หรือขึ้นไป 12.40% ด้วยมูลค่า 218 ล้านบาท มันอธิบายด้วยเรื่องกำไรโตเท่าตัว ก็คงมีหลายคนคล้อยตามกันเยอะ แต่ทันทีที่พลิกเนื้อในแล้วเห็นว่า P/E 85 เท่า เดี๊ยนพูดได้ทันทีว่า โอเว่อร์รีแอ๊ค! ต่อจากนั้นจะเห็นปรากฏการณ์เม่าติดหุ้นราคาสูงอีกเหมือนเดิม..ไม่ได้แช่งนะ แต่รอบก่อนก็เป็นอย่างนี้นะจะบอกให้