SPA ลุยฟาดกำไรต่อช่วงไฮซีซั่น
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกๆ ปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากว่าช่วงนี้ประเทศไทยจะปลอดฝน ท้องฟ้าสดใส อากาศไม่ร้อนจัด ทำให้เหมาะแก่การท่องเที่ยวในทั่วทุกภาค
คุณค่าบริษัท
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-มีนาคมของทุกๆ ปี จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในประเทศไทย เนื่องจากว่าช่วงนี้ประเทศไทยจะปลอดฝน ท้องฟ้าสดใส อากาศไม่ร้อนจัด ทำให้เหมาะแก่การท่องเที่ยวในทั่วทุกภาค
ที่สำคัญช่วงดังกล่าวมีวันหยุดหลายเทศกาลทั้งวันชาติจีน วันลอยกระทง วันคริสต์มาส เทศกาลปีใหม่ เป็นต้น รวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาล กับนโยบายช้อปช่วยชาติช่วงสิ้นปี ระหว่างวันที่ 11 พ.ย.-3 ธ.ค. ที่ลูกค้าสามารถนำใบกำกับภาษีการใช้บริการนวดหรือสปาไปลดหย่อนภาษีได้
ดังนั้นช่วงดังกล่าวจะยังเป็นผลบวกต่อ บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามา รวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย ก็มีอารมณ์อยากจะผ่อนคลาย สบายๆ ก็จะเข้าสปา
ทั้งนี้ ปัจจัยบวกน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตได้ดี
อีกทั้งบริษัทฯ ทยอยเปิดสาขาคงเหลือในปีนี้อีก 3 สาขา เริ่มต้นด้วย Let’s Relax มิลเลนเนียม รีสอร์ท ป่าตอง ภูเก็ต ภายใต้รูปแบบรับบริหารสปาในโรงแรม ตามด้วย Let’s Relax นิมมาน เชียงใหม่ และบ้านสวนมาสสาจ เพชรเกษม (บางแค) โดยภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีสปาทั้งหมด 41 สาขา แบ่งเป็น ระรินจินดา เวลเนส สปา จำนวน 3 สาขา Let’s Relax จำนวน 27 สาขา (26 สาขาในประเทศและ 1 สาขาต่างประเทศ) และ Baan Suan Massage จำนวน 11 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทเข้าทำสัญญาแฟรนไชส์สำหรับการดำเนินธุรกิจสปา “Let’s Relax” ในสาธารณรัฐประชาชนจีนกับ Tianjin Lide Eisaku Technology Co., Ltd. (ผู้ได้รับสิทธิ) ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกัน โดยผู้ได้รับสิทธิจะได้รับสิทธิในการดำเนินธุรกิจสปา “Let’s Relax” ในเมืองเทียนจิน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถขยายเวลาต่อไปได้อีก 5 ปี
โดยแบ่งการชำระเงินเป็น 2 ส่วนคือ Lump-sum Franchise Fee เป็นจำนวนที่แน่นอน และ Monthly Franchise Fee โดยคิดตามสัดส่วนของรายได้ต่อเดือน ทั้งนี้ สาขาดังกล่าวคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาส 1/2561
สำหรับการขยายธุรกิจถือเป็นการเพิ่มเส้นทางของการรับรู้รายได้
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 246.74 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 195.24 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 44.09 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 40.39 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น
ส่วนผลการดำเนินการงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีรายได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 703.33 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 545.59 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 129.57 ล้านบาท หรือ 0.23 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 106.30 ล้านบาท หรือ 0.19 บาทต่อหุ้น แสดงว่า ภาพรวมของบริษัทที่ยังเติบโตอยู่
ในระหว่างนี้นักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20 บาทต่อหุ้น
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- นายประเสริฐ จิราวรรณสถิต 70,140,000 หุ้น 12.31%
- นายวิบูลย์ อุตสาหจิต 70,140,000 หุ้น 12.31%
- นางปราณี ศุภวัฒนเกียรติ 57,720,000 หุ้น 10.13%
- นางฐานิศร์ อมรธีรสรรค์ 56,656,900 หุ้น 9.94%
- THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED 28,600,000 หุ้น 5.02%
รายชื่อกรรมการ
- นางปราณี ศุภวัฒนเกียรติ ประธานกรรมการ
- นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- นายวิบูลย์ อุตสาหจิต กรรมการ
- นายประเสริฐ จิราวรรณสถิต กรรมการผู้จัดการ
- นายประเสริฐ จิราวรรณสถิต กรรมการ