TMB หมดยุคล้างบ้าน เริ่มยุคทะยานขึ้น
ราคาหุ้นของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ที่หลายปีมานี้ (นานกว่า 1ทศวรรษ) มีแนวโน้ม "พร้อมลง" มากกว่า "พร้อมขึ้น" ตลอดมา.... ทำนิวไฮในรอบหลายปี และมีโอกาสที่จะทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ 3.00 บาทได้ไม่ยาก...หากไม่มีอะไรเลวร้ายมาแทรกจังหวะเสียก่อน
แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
ราคาหุ้นของธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ที่หลายปีมานี้ (นานกว่า 1ทศวรรษ) มีแนวโน้ม “พร้อมลง” มากกว่า “พร้อมขึ้น” ตลอดมา…. ทำนิวไฮในรอบหลายปี และมีโอกาสที่จะทะยานเหนือแนวต้านสำคัญ 3.00 บาทได้ไม่ยาก…หากไม่มีอะไรเลวร้ายมาแทรกจังหวะเสียก่อน
เหตุผลในการทะยานขึ้นมีคำอธิบายหลังจากที่มีรายการนัดพบนักวิเคราะห์ล่าสุดบอกว่า เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
– ผลประกอบการดีขึ้น เพราะยุค “ล้างบ้าน” ครั้งสุดท้ายในยุคของนายบุญทักษ์ หวังเจริญ จบลงไปแล้ว ไม่เหลือคราบไคลเก่าแก่ในอดีตมารบกวน และมีโอกาสที่จะทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลง…หรือไม่เพิ่มขึ้น จากการที่มีแหล่งรายได้ใหม่ โดยเฉพาะธุรกิจขายประกันชีวิต banca assurance ที่เป็นพันธมิตรกับยักษ์ประกันฮ่องกงค่าย ลี กา ชิงชื่อ FWD
– ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ ให้ความสนใจเข้ามาซื้อเพื่อถือ TMB ชัดเจนขึ้น หลังจากที่ผ่านมามองข้ามมายาวนาน
– มีซีอีโอคนใหม่ที่มีวิสัยทัศน์เชิงรุกในการขับเคลื่อนธุรกิจธนาคารให้โตเร็ว
ล่าสุด นักวิเคราะห์หลายสำนัก ประเมินว่า ควร “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐานใหม่ที่ 3.20 บาท หลังจากการชี้แจงเป้าหมายทางการเงินประจำปี 2561 และแผนธุรกิจ 5 ปีภายใต้การนำบริษัทของประธานผู้บริหารใหม่ นายปิติ ตัณฑเกษม ที่จะเริ่มดำรงตำแหน่งในปี 2561
แผนธุรกิจที่หลายคนมองว่าโดดเด่นของ TMB ในอนาคตคือเป้าหมายขยายฐานลูกค้า SME ขนาดเล็กและรายย่อยในเชิงรุกในช่วง 5 ปีข้างหน้า รวมถึงเพิ่มขนาดรายได้ขึ้นเท่าตัวผ่านการขยายรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII) และการลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CI ratio) ลงเหลือ 40% ภายในปี 2565 ทั้งนี้….ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561 และปี 2562 ขึ้น 4% และ 6% ตามลำดับ จากการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและการเติบโตด้านสินเชื่อ
เหตุผลเรื่องแผนธุรกิจดีเด่น ไม่น่าจะเป็นตัวดันราคามากมาย แล้วก็ไม่ได้การันตีเสมอไป เคยมีบทเรียนมากมายที่หลายบริษัทในตลาดหุ้นไทย นำเสนอแผนธุรกิจสวยหรูแต่..นักลงทุนวางเฉยหรือมองข้าม….เหตุผลหลักคือความน่าเชื่อถือของผู้บริหารต่ำเกินในมุมมองของนักลงทุน
ดีไม่ดีอาจจะถูกข้อหา…. ขายฝันกลางวันกลางฤดูฝน… เอาง่ายๆ
สองปัจจัยหลังสุดนี่สิน่าสนใจ
ที่ผ่านมา TMB แต่ละยุค เคยถูกมองจากฟันด์โฟลว์ด้วยสายตาระแวงเสมอมา ไม่ค่อยอยากจะเข้ามาถือมากนัก
ยุคกองทัพถือหุ้นใหญ่ ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ก็บอกว่า… ไม่ชอบหุ้นที่กองทัพถืออยู่
ยุคหลังต้มยำกุ้ง หนี้เสีย และผลประกอบการเละเทะ ก็ยิ่งไม่น่าสนใจ
ยุคเพิ่มทุนหนักจนกองทัพหลุดออกจากการถือหุ้นใหญ่ ….ไม่ต้องพูดถึงเพราะบ้านยังเลอะเทอะ
ยุคไอเอ็นจีเข้ามา แม้จะเปลี่ยนโครงสร้างการถือครองหุ้น แต่ก็ยังมีตั้งสำรองพิเศษครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเปลี่ยนฐานะจากธนาคารพาณิชย์ที่ง่อนแง่นมาเป็นธนาคารที่แข็งแกร่งทางการเงิน
สไตล์ผู้บริหารอย่างนายบุญทักษ์ หวังเจริญที่เน้น “ตั้งการ์ดสูง” ยอมให้กำไรต่ำ มากกว่ากำไรหวือหวา … เน้นทำตัวเป็นเด็กในโอวาทของ บาเซิล 3 เคร่งครัด ไม่มีโดดเรียน หรือ ว่อกแว่ก… มีผลข้างเคียงตามมา เพราะทำให้ราคาหุ้น TMB ขึ้นไปไหนได้ไม่ไกล
ตัวเลข EBITDA ที่เติบโตงดงาม ถูกมองข้ามง่ายๆ เพราะกำไรสุทธิและปันผลที่ต่ำกว่าคาด “เรื่อยๆ คือสาเหตุสำคัญที่กองทุนต่างชาติไม่เข้ามาข้องแวะกับหุ้น TMB.. เหมือนมีตา หาแววไม่ได้ยังไงยังงั้น
การกลับมาเก็บระลอกใหม่ ไม่ว่าชั่วคราวหรือถาวรของต่างชาติ มีความหมายเสมอ
ตัวแปรท้ายสุด ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะมติ 25 ตุลาคม 2560 ของบอร์ด นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ประธานกรรมการ ที่อธิบายว่า การแต่งตั้งนายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน แทนนายบุญทักษ์ที่แสดงเจตนาขอไม่ต่ออายุ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านที่มีความต่อเนื่องและราบรื่น โดยนายบุญทักษ์ได้ปฏิบัติภารกิจหลักสำคัญสองประการหลังจากที่มีการต่อสัญญาให้ทำหน้าที่ต่ออีก 2 ปีเมื่อปลายปี 2559 คือการวางรากฐาน Digital Transformation ให้กับธนาคารและการร่วมสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทน ซึ่งทำให้ธนาคารพร้อมแล้วสำหรับผู้นำคนใหม่ที่จะมาทำหน้าที่นี้ต่อไปเพื่อดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของธนาคาร
การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยถูกตอกย้ำจากการเปิดตัวล่าสุดของนายปิติ เพื่อเปิดเผยแผน 5 ปีของธนาคารทหารไทย (ปี 61-65) ตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้อีก 1 เท่าตัวจากปัจจุบัน ซึ่งจะมาจากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยวางเป้าขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กเพิ่ม 4 เท่า จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าอยู่ที่ 100,000 ราย และเพิ่มอัตราการเติบโตของจำนวนลูกค้าที่ทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นประจำ หรือลูกค้าที่ใช้ Digital Banking ที่ Active อีก 2 เท่า จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ Active อยู่ที่ 1 ล้านราย พร้อมกับเดินหน้าลดอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (Credit cost) ให้ลงเหลือ 40% จากปกติต้นทุนต่อรายได้ของธนาคารอื่นๆ อยู่ที่ 40-50% อีกทั้งธนาคารยังหวังที่จะเป็นธนาคารที่ลูกค้าชื่นชอบและแนะนำมากที่สุดในช่วง 5 ปี
ธุรกรรมตามแผนหลักในระยะยาวของTMB ในช่วง 5 ปีข้างหน้า อยู่ที่เป้าหมายเน้นการเพิ่มสัดส่วนการทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นมาก โดยสัดส่วนจะกลับข้างจากปัจจุบันที่มีการทำธุรกรรมผ่านสาขา 80% และทำธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ 20% มาเป็นออนไลน์ 80% และสาขา 20% ซึ่งจะมีผลต่อจำนวนสาขาที่ปรับลดลง แต่คงบอกไม่ได้แน่นอนว่าจะลดลงไปเท่าไหร่ ก็ต้องดูว่าพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้าจะเปลี่ยนไป
นอกจากนั้นยังจะคงเดินหน้าลดความซับซ้อนของโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อทำให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น… เท่ากับยุค “ล้างบ้าน” จะถูกแทนที่ด้วย “ยุคสร้างโอกาส”
ยุคของนายบุญทักษ์ที่จะจบลง จึงเป็นการส่งไม้ต่อให้คนใหม่อย่างนายปิติ โดยไม่มีปฏิบัติตามล้างตามเช็ดย้อนหลัง เสมือนธนาคารรัฐบางแห่ง… ที่รู้ๆ กันอยู่
จุดแกร่งในช่วงเปลี่ยนผ่านยุค จึงเป็นความเชื่อมั่นล้วนๆ ว่า อดีตจะไม่กลับหลอกหลอนอนาคตซ้ำซากๆๆๆๆ….เสมือนร้องเพลง the River of No Return
ไม่ซื้อ TMB เข้าพอร์ตตอนนี้ พอราคาวิ่งเกิน 3.00 บาท อาจจะต้องบ่นพึมพำ “… รู้งี้ …รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้…”
อิ อิ อิ