MBKET เสือไม่ (เคย) ทิ้งลาย
ปีนี้ หลายคนที่คุ้นเคยกับเสียงหัวเราะสะท้านโลกันต์ ของ พี่เปี๊ยะ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) เจ้าของสไตล์การ "บริหารด้วยรัก" อันเลื่องลือ อาจจะรู้สึกได้ดีว่า ปีนี้ แม้เสียงหัวเราะจะยังไม่ได้หายไปไหน แต่...แปร่งปร่าเพี้ยนไปจากเดิม พอสมควร ไม่มากก็น้อย
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
ปีนี้ หลายคนที่คุ้นเคยกับเสียงหัวเราะสะท้านโลกันต์ ของ พี่เปี๊ยะ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) เจ้าของสไตล์การ “บริหารด้วยรัก” อันเลื่องลือ อาจจะรู้สึกได้ดีว่า ปีนี้ แม้เสียงหัวเราะจะยังไม่ได้หายไปไหน แต่…แปร่งปร่าเพี้ยนไปจากเดิม พอสมควร ไม่มากก็น้อย
จะให้เหมือนเดิมอย่างไรได้ ในเมื่อความเครียดสุมรุมเร้าต่อเนื่อง เข้าข่าย “สาหัสสากรรจ์”….ใครไม่เคยเจอ ยากจะหยั่งรู้ว่ามันยากเย็นแค่ไหนกว่าจะก้าวข้ามมาได้
สาเหตุหลักของความเครียด จะมีอะไรเสียอีก ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิบัติการ “กินบนเรือน ขี้รดหลังคาห้องนอน” ของอดีตพนักงานระดับสูงและกลาง คนเก่าแก่ที่คุ้นเคยร่วมทุกข์สุขกันมาจนสร้าง MBKET ขึ้นเป็นโบรกเกอร์หมายเลขหนึ่งของไทย ตลอดเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เลือกเดินชนิด “แม่น้ำแยกสาย ไผ่แยกกอ”
แยกตามปกติตามประสามืออาชีพ คงไม่มีอะไร ….แต่นี่แม่เจ้าประคุณ และพ่อเจ้าประคุณ (คงไม่ต้องเอ่ยชื่อให้สะเทือนซางกันอีก) เล่นเกมตื้นๆ…ฉกความลับข้อมูลภายในไม่เหลือหลอ ตามแผนดึงพนักงานของ MBKET ไปทำงานที่ใหม่ในลักษณะ “ยกยวง” กว่า 205 คน ที่เป็น “หัวกะทิของมนุษย์ทองคำ” (ทั้งผู้แนะนำการลงทุน และผู้จัดการสาขา 159 คน และพนักงานที่ทำงานสนับสนุนอีก 46 คน) จากพนักงานเดิมที่มีทั้งหมด 560 คน…เกือบครึ่งองค์กรทีเดียว
ผลพวงที่เลวร้ายกว่า “สมองไหล” อยู่ที่ตัวเลข “ลูกค้าไหล” ตามมา
ในช่วงไตรมาสสามปีนี้ มีการสำรวจพบว่า ลูกค้า “ขาใหญ่” เดิมของ MBKET ทั่วประเทศ มีการย้ายบัญชีซื้อขายหุ้นไปอยู่กับโบรกเกอร์คู่แข่งที่บริหารโดยทีม “กินบนเรือน ขี้รดหลังคา” มากถึงแล้ว 261 คน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นรวมประมาณ 3.04 พันล้านบาท
งานนี้ พี่เปี๊ยะ ที่แม้จะยังสามารถหัวร่อสะท้านโลกันต์อยู่ได้ ก็จำต้องออกโรงท่าไม้ตายทำนอง “ศิวะนาฏราช”.….พร้อมกับสำแดง เสียงกรีดร้องจากยมทูต แทรกไปด้วย เป็นครั้งคราว
ว่ากันว่า ยามนั้นอย่าให้พี่เปี๊ยะได้ยินเสียงเพลง “…..โอ โอ๊ โอ ละ เน้อ เออ เอ่อ น้อง พร….” เด็ดขาด…มีเคือง (ข้อมูลนี้ เป็นแค่เขาเล่าว่า…ไม่มีคำยืนยัน (ฮาาาาา))
ตัวอย่างที่โดดเด่นเป็นตำนาน “ย้อนศร” คือ ปฏิบัติการ “ฟ้องด้วยรัก” ต่ออดีตพนักงานเก่าหลายคนที่แปรพักตร์กลายเป็น “หนอนบ่อนไส้” องค์กร ทั้งต่อศาลแพ่งในข้อหาละเมิด และต่อศาลแรงงานในข้อหาไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน (ขโมยและเข้าถึงความลับที่มิควร) พร้อมกับมีการเรียกร้องค่าเสียหายเกือบ 600 ล้านบาท
ความวุ่นวายทั้งจาก “สมองไหล” และ “ลูกค้าไหล” ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดด้านค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้นของ MBKET ถดถอยไปทั้งปริมาณ และส่วนแบ่งทางการตลาดนานหลายเดือน เสียแชมป์โดยปริยาย
ช่วงเวลา “เสียแชมป์”…เป็นช่วงเวลาที่แสนจะยากลำบาก ตามภาษิตเก่าที่ว่า ….เป็นแชมป์ที่ว่ายาก ยังไม่ยากไม่เท่ารักษาแชมป์….เพราะหากรักษาไม่ได้ กลับมาจะยากมาก ถึงยากที่สุด
เสือที่ไร้ลาย ย่อมไม่ใช่เสือ…..ใครเลยจะยำเกรง
โดยเฉพาะเสือเหลือง ที่เป็นสัญลักษณ์ของมาเลเซีย ที่เป็นสัญชาติหลักของ MBKET…ยิ่งไม่มีโอกาสทิ้งได้เลย
แล้วในที่สุด…แม้จะไม่ใช่ที่สุดของที่สุด….MBKET ก็กลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง…ลูกค้าบางส่วนที่เคยทำตัวเป็น “ลูกแกะหลงทาง” เริ่มทะยานหวนกลับมาใช้บริการอีกครั้ง….ทำนองเดียวกับเนื้อหาในเพลงศาสนาในโบสถ์คริสต์ สมัยเด็ก….”แกะตัวหนึ่ง หลงหายไป และผู้เลี้ยงก็แสนเสียดาย จึงออกตาม ทั่วภูเขา และลำเนาไพร……”
เมื่อความรื่นเริงของชัยชนะกลับคืนมาเป็นคำรบใหม่…เสียงหัวร่อสะท้านโลกันต์ของพี่เปี๊ยะ ก็กลับคืนมาก้องกังวานครั้งใหม่…อาจไม่ดังเท่าเดิม แต่ไพเราะกว่าเดิม
คำพูดเมื่อวันอ็อปฯเดย์ของพี่เปี๊ยะ วันพุธที่ผ่านมามีสาระสำคัญของชัยชนะของการกลับมาของพญาเสือ….ที่ไม่บาดเจ็บเป็นเสือลำบากเหมือน ไทเกอร์ วูดส์….ประกอบด้วย
– ส่วนแบ่งทางการตลาดของ MBKET ล่าสุดอยู่ที่ 6.19% ในเดือนตุลาคม กลับมาเป็นอันดับ 1 อีกครั้ง (ค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีที่ 7.9%) และยังฟื้นตัวขึ้นมาจากช่วงก่อนหน้านี้บริษัทฯประสบปัญหาด้านบุคลากร โดยตั้งเป้าในปีหน้าว่า จะดันมาร์เก็ตแชร์ฟื้นมาที่ 8-9%
– ในปี 2561 กำหนดยุทธศาสตร์เน้นทำตลาดในวงกว้าง ทำให้มีรายได้จากหลากหลายธุรกิจ เพื่อความมั่นคงของบริษัทฯ และพัฒนาคุณภาพรวมถึงจุดยืนตามแนวทางธุรกิจทุกด้าน (จากที่ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์ราว 50-60% รายได้จากดอกเบี้ยรับราว 15% รายได้จากงานวาณิชธนกิจ (IB) ราว 10% และรายได้จากการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ราว 5-10%)
– ธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ หรือ IB ที่เคยเป็นแหล่งรายได้รองและไม่โดดเด่นเมื่อเทียบกับคู่แข่ง จะมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ขณะนี้บริษัทมีดีลในมือและที่เจรจาอยู่ทั้งหมดราว 25-37 ราย (งานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการควบรวมกิจการ (M&A) 3-4 ราย จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) 3-4 ราย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) 1-2 ราย การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 14-15 ราย การเพิ่มทุนสามัญให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) 3-4 ราย และงาน FA อื่นๆ 1-2 ราย)…เรียกว่าเป็นล่ำเป็นสันขึ้น โดยปีหน้าคาดว่า MBKET จะสามารถนำบริษัทของลูกค้าเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ราว 5-7 ราย
– มองถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยอยู่ระหว่างศึกษาการเป็นผู้จัดจำหน่ายและซื้อ-ขายตราสารหนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) อ้างอิง SET50 และ Structured Note ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปีหน้า เพื่อเพิ่มเติมรายได้และกำไรให้มากขึ้น
เพียงแค่ที่เกริ่นมาหยาบๆ ไร้รายละเอียดทางปฏิบัติเช่นนี้…ทำให้หลายคนคิดถึงเพลง….”ออกลายมาเล้ย ออกลายให้เห็น เผยที่เป็น ว่าจะร้ายสักเท่าไหร่”…ที่เปลี่ยนจากแม่เสือสาวเซ็กซี่…มาเป็นพี่เปี๊ยะ ที่ร่ายระบำในชุดสีทอง…พร้อมเสียงหัวร่อสะท้านโลกันต์
แต่สำหรับคู่แข่ง….หนาวยะเยือก สลับร้อนดังไฟสุมขอน….ขนแขน สแตนด์ อัพ กันทั่วหน้า
เพราะนอกจาก….เสือไม่ทิ้งลายแล้ว ยังมีลายใหม่ละลานตา มากกว่าเดิม
อิ อิ อิ