1,700 จุด..แล้วสดชื่น!
ดูเหมือนผู้คนมากมายจะแฮปปี้กับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี เพราะมันหมายความว่า ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีกต่อไป จึงกระโจนเข้ามาไล่หุ้นกันอย่างเมามัน จนดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 1,700.05 จุด แต่หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ 1,703.37 จุด บวกไป 8.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท น้องโมคงพูดได้แค่ว่า ได้หมด..ถ้าสดชื่น...อิอิอิ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ดูเหมือนผู้คนมากมายจะแฮปปี้กับการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงของดัชนี เพราะมันหมายความว่า ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีกต่อไป จึงกระโจนเข้ามาไล่หุ้นกันอย่างเมามัน จนดัชนีวิ่งขึ้นไปถึง 1,700.05 จุด แต่หลังจากนั้นโรยตัวลงมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็พุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ 1,703.37 จุด บวกไป 8.98 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.75 หมื่นล้านบาท น้องโมคงพูดได้แค่ว่า ได้หมด..ถ้าสดชื่น…อิอิอิ
*หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมน้องโมถึงมีอาการกระดี๊กระด๊าเสียเหลือเกิน ทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรผิดแผกไปจากที่เป็นอยู่ รวมทั้งบรรยากาศที่เห็นก็เป็นแบบเดิมๆ จึงขออนุญาติเรียนให้ทราบว่า มันเป็นเรื่องสถิติที่สำคัญของตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นตัวชี้นำดัชนีจะเป็นไปในทิศทางไหน พร้อมกับเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้คนทั่วไปได้รู้ว่า นักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดหุ้นนะคะ
*ด้วยเหตุนี้ถึงเห็นเดี๊ยนออกมาลิงโลดผิดปกติ เพราะยังมีความเชื่อเกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่า ตลาดหุ้นจะวิ่งก่อนข่าวจริงออกประมาณ 3-6 เดือน และถ้าเป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา การลงทุนเที่ยวนี้น่าจะมีอะไรพิเศษกว่ารอบก่อนๆ “โมนิก้า” ถึงชอบให้แฟนคลับเฝ้าติดตามการเคลื่อนตัวของดัชนีอย่างใกล้ชิด หลังหุ้นบลูชิพยังทำหน้าที่ประคองตลาดได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองนะซี
*วานนี้ถึงเห็นหุ้นลูกอ๊อด AOT ขยับตัวขึ้นมาปิดที่ 63 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.44% ด้วยมูลค่า 1.81 พันล้านบาท “โมนิก้า” ขอเรียนตามตรงว่า ไม่มีเหตุผลใช้อธิบายการวิ่งขึ้นเที่ยวนี้อีกแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้หมดไส้หมดพุงว่า หล่อขั้นเทพ! ยกเว้นประเด็นการขึ้นเที่ยวนี้มีเรื่องของกรอบด้านบน 65 บาทเป็นตัวแปรสำคัญ หากผ่านไปได้จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ หากผ่านไปไม่ได้อาจลงมาตั้งหลัก 58 บาทอีกครั้งนะคะ
*เหมือนกับในรายของ PTTEP ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตที่เห็นกันทนโท่ว่านี่เป็นครั้งที่ 3 ในการวิ่งขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 95 บาท หากผ่านไปไม่ได้ก็ต้องลงมาตั้งหลักแถว 90 บาท หากผ่านไปได้ “โมนิก้า” ขอมองเป้าหมายที่บริเวณ 110 บาท ซึ่งเป็นการคิดบนพื้นฐาน P/BV 1.20 เท่า ซึ่งเป็นการประเมินราคาแบบอนุรักษนิยม จึงต้องถามผู้เล่นว่า หุ้นยืนปิดเสมอตัวที่ 93.25 บาท ด้วยมูลค่า 600 ล้านบาท กล้าตามไหม?
*ส่วนในรายของ SCC ขยับตัวขึ้นมาปิดที่ 478 บาท บวกไป 2 บาท ด้วยมูลค่า 1.43 พันล้านบาท อาจเป็นการเปิดเกมที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากก็จริง แต่ถ้าดูในรูปแบบของสัญญาณเทคนิคที่ปรากฏแนวต้านขวางอยู่ 2 ระดับ “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่เสี่ยงมากพอสมควร เพราะมันเป็นไฟต์บังคับให้หุ้นทะยานขึ้นไปอีก หากไปไม่ไหวต้องลงมาพักเอาแรงนะจะบอกให้
*หากต่อจิ๊กซอว์การเคลื่อนตัวดังกล่าวไม่ถูก “โมนิก้า” ขอให้ดูแบบอย่างเอาจาก BJC เพราะเป็นหุ้นที่ไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แถมในระหว่างทางก็มีการพักตัวนานให้เห็นเป็นระยะ จนล่าสุดพุ่งขึ้นมาปิดที่ 59.25 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่า 366 ล้านบาท มันเป็นการไล่ราคารอบใหม่ธรรมดาๆ หุ้นถึงมีโอกาสขยับขึ้นไปอีก แต่อย่าลืม หุ้นมาด้วยแพตเทิร์น ขึ้นแล้วพัก..พักแล้วไป จึงต้องดูให้ดีก่อนเคาะขวานะคะ
*คล้ายกับสถานการณ์ของ WHA กระชากขึ้นแรงเป็นวันแรก หลังจากโดนทิ้งมาหลายวัน ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 3.82 บาท บวกไป 0.14 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่า 678 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่ประเมินได้ถึง 4 บาทก็จริง แต่อย่าลืมว่าพวกนี้เป็นประเภทที่ “มาเร็ว เคลมเร็ว” คนที่เข้าเล่นต้องกล้าได้กล้าเสียพอสมควร เพราะในช่วงต้นปีต่อเนื่องถึงกลางปี ทำคนเจ็บมาเยอะเหลือเกินแบบนี้..คุ้มกับที่ได้จริงเหรอ?
*ส่วนม้ามืดอย่าง CENTEL ไม่ทราบว่า ไปกินดีหมี หัวใจเสือ ที่ไหนมา ราคาหุ้นถึงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง จนล่าสุดปิดที่ 56.75 บาท บวกไป 2.50 บาท หรือขึ้นไป 4.60% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องคาบลูกคาบดอกพอสมควร เพราะเมื่อดูตามท้องเรื่องที่เกิดขึ้น หุ้นตัวนี้ขึ้นมานานพอสมควร จนค่า P/E ปาเข้าไป 38 เท่า งานนี้เดี๊ยนไม่เคยมีความคิดจะห้าม แค่อยากให้ระวังตัวไว้หน่อยก็เท่านั้นเองจ้า
*เนื่องจากโลกของการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน ขนาดหุ้นที่แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งอย่าง FSMART ยังถูกเทขายร่วมครึ่งเดือน “โมนิก้า” ยิ่งเกิดอาการหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะแรงเทขายไม่มีทีท่าจะเบาลงแต่อย่างใด บวกกับหุ้นหลุดแนวรับสำคัญหมดทุกแนว จึงไม่รู้ว่า ราคาปิดที่ 17.10 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 2.84% ด้วยมูลค่า 88 ล้านบาท มันใช่ก้นเหวของการลงเที่ยวนี้อะป่าว!
*ตบท้ายกันที่ไอ้โม่งทุบหุ้น GULF กันสักหน่อย หลังมีคนปล่อยข่าวถูกกระทรวงพลังงานฟ้องร้อง ทั้งที่ความเป็นจริง “กัลฟ์ชนะคดีฟ้อง 4 หน่วยงานรัฐ” โดยมีคำตัดสินออกมาเมื่อปลายปี 2559 ทำให้เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีที่ใช้ก๊าซ 2 โรง 5,000 เมกะวัตต์ได้เหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมมีคนขุดข่าวนี้ขึ้นมาเล่นอีก และเอาประเด็นดังกล่าวมาโยง จนราคาหุ้นร่วงลงมาปิดที่ 51 บาท ลบไป 2.75 บาท หรือลงไป 5.12% ด้วยมูลค่า 2.78 พันล้านบาท มันใช่เหรอ?..ในเมื่อคนทำถูกขั้นตอนตั้งแต่ต้น มันก็ถูกต้องวันยันค่ำนะคะ