SORKON รายได้ปีนี้โตเพิ่มสินค้าอาหารแปรรูป
SORKON มีแนวทางการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น คือ การเติบโตของผลการดำเนินงาน โดยได้มาจากสินค้าใหม่ และตลาดใหม่ เช่น ตลาดกลุ่มมุสลิมที่จะเริ่มเข้าไปในปี 2558 นี้
บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารพื้นเมือง เช่น แหนม หมูยอ และไส้กรอกอีสาน รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูป เช่น ลูกชิ้นปลา และลูกชิ้นกุ้ง ตลอดจนขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์ ภายใต้ตรา “ออง-เทร่” จัดว่ามีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องทุกปี ตามนโยบายเงินปันผลที่ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
“เจริญ รุจิราโสภณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SORKON กล่าวว่า การจ่ายเงินปันผลของบริษัทปกติตามนโยบายจะจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แต่ที่ผ่านมาบริษัทมีการจ่ายในอัตรา 60% โดยจ่ายปีละ 1 ครั้ง ซึ่งการจ่ายเงินปันผลต้องมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการดำเนินงานรอบปี 2557 มีการประกาศจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 2.75 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) เป็นวันที่ 7 พ.ค.58 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พ.ค.58
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 255 ที่มีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท และมีรายได้ 2,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับปี 2556 ที่มีรายได้ 2,019 ล้านบาท โดยปี 2557 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในด้านผลการดำเนินงานที่ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดีจากสินค้าเดิมและสินค้าใหม่ แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ก็ยังสามารถทำผลงานทางด้านยอดขายเติบโตได้ดี โดยมาจากการขยายตัวด้านยอดขายของธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปกลุ่มลูกชิ้นปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน และธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ก็มีอัตราการเติบโตที่ดี
สำหรับแนวทางการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น มาจากการเติบโตของผลการดำเนินงาน โดยได้มาจากแผนธุรกิจ ที่มีการออกสินค้าใหม่ เพราะเดิมมีผลิตภัณฑ์หมูแผ่น ดังนั้นรายได้จึงมาจากทั้งสินค้าใหม่ และตลาดใหม่ เช่น ตลาดกลุ่มประเทศมุสลิมที่จะเริ่มเข้าไปในปี 2558 นี้ และตลาดในแถบประเทศตะวันออกกลาง
โดยรายได้ที่จะมาจากสินค้าใหม่ จะเป็นการนำขนมขบเคี้ยว (สเน็ค) เข้าตลาดมุสลิม ซึ่งบริษัทจะมีการสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่ได้มาตรฐานฮาลาล เพื่อมุ่งตลาดใหม่ที่เป็นกลุ่มมุสลิมโดยเฉพาะ เนื่องจากมองว่าตลาดมุสลิมมีเงินแต่ขาดอาหารขบเคี้ยวประเภทเนื้อสัตว์ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเนื้อสัตว์ดีลเลอร์ของบริษัทมีความสนใจที่จะนำไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศตะวันอออกลาง ซึ่งจะเป็นตลาดใหม่
ส่วนผลิตภัณฑ์ลูกชิ้นปลา จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 9,000 ตันต่อปี เป็นกำลังการผลิตใหม่ 18,000 ตันต่อปี พร้อมกับมุ่งนำเข้าไปที่ประเทศจีน ซึ่งสินค้าก็น่าจะประสบความสำเร็จได้และมีการทำรายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดใหม่มีความต้องการสินค้าอยู่ อย่างการนำลูกชิ้นปลาเข้าประเทศจีน ตอนนี้กระบวนการขอใบอนุญาตผ่านเรียบร้อยแล้ว จึงมีโอกาสที่จะเริ่มนำลูกชิ้นปลาเข้าประเทศจีนในช่วงไตรมาส 2/58 นี้
ดังนั้น ในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 15% จากปี 2557 โดยมีแผนงานที่มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป ผ่านกลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน ได้แก่ ร้านอาหารไทยอีสาน “แซบ เอ็กซ์เพรส” และ “ร้านข้าวขาหมูยูนนาน” โดยบริษัทจะมีการลงทุนเปิดร้านข้าวขาหมูยูนานให้ครบ 35 สาขาในประเทศไทย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 22 สาขา ทั้งนี้ ไม่รวมอีก 2 สาขาซึ่งได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้วที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่เดือนพ.ย.57 ที่ผ่านมา รวมถึงมีแผนเปิดแฟรนไชส์ตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อย่างไรก็ตามบริษัทมีเป้าหมายเปิดให้ได้ 300 สาขา
ขณะเดียวกัน บริษัทยังจะขยายช่องทางการจัดจำหน่าย “ขาหมูยูนนาน” ไปในช่องทางขายร้านซูเปอร์มาร์เก็ตในรูปแบบขาหมูแช่แข็งตรายูนนาน โดยเริ่มจากกลุ่มท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ตในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา รวมถึงยังมีแผนที่จะขยายไปร้านอื่นๆ ในอนาคต
ส่วนร้านอาหารไทยอีสาน “แซบ เอ็กซ์เพรส” นั้น มีแนวคิดปรับโมเดลการขยายสาขาแบบ Mobile Unit ที่ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายในร้านและยังรองรับการขยายสาขาผ่านรูปแบบแฟรนไชส์ควบคู่กับโครงการขยายสาขาของร้านขายข้าวขาหมูยูนนาน
นอกจากนี้ปีนี้จะมีโครงการใหม่ “ตู้กับข้าวชุมชน” เพื่อตั้งในหมู่บ้าน ในย่านชุมชน ตลาดสด ซึ่งจะคัดเลือกเมนูอาหารที่คนไทยนิยม เช่น หมูพะโล้ แกงกระหรี่ และซุปต่างๆ รสชาติใหม่ๆ ราคาไม่แพง ซื้อไปแล้วทานได้ทั้งครอบครัว เพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น คาดว่าจะทยอยออกมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้
“ธุรกิจของเราเศรษฐกิจจะกระทบไม่มาก เนื่องจากเป็นเรื่องปากท้องที่จะต้องมีการกินทุกวัน แม้พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปบ้าง จากการซื้อห่อใหญ่มาซื้อห่อเล็ก เช่น แหนม แต่ก็จะมีตลาดใหม่ๆ เข้ามา ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ในโมเดิร์นเทรดมากว่า 70% เพราะมีทั้งแบรนด์ของบริษัทหลายแบรนด์ ขณะเดียวกันก็มีรับจ้างผลิต (OEM) ดังนั้นมาร์เก็ตแชร์น่าจะมากกว่า70% แต่ในตลาดสด เทศบาล และกรุงเทพฯ รอบนอก ทางบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ไม่ถึง 3% สำหรับมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตไซด์) แบ่งเป็นตลาดสด 55% และโมเดิร์นเทรด 45% ซึ่งในตลาดสดบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์แค่ 3% ดังนั้นปีนี้จะมีการรุกตลาดนอกโมเดิร์นเทรด เพื่อให้มีมาร์เก็ตแชร์ที่สูงขึ้น”
ขณะที่ปีนี้จะทำโรงงานอาหารขบเคี้ยว ยี่ห้อออง-เทร่ โดยการสร้างโรงงานอีก 1 โรงงาน ให้เป็นสินค้าสำหรับกลุ่มมุสลิม เพื่อไปเปิดตลาดอิสลาม มูลค่าลงทุนเฉพาะเครื่องจักร 70 ล้านบาท ไม่รวมค่าที่ดิน โดยโรงงานนี้จะตั้งอยู่ในนิคมมหาชัย เป็นโรงงานผลิตไก่แผ่น เพื่อมุ่งตลาดมุสลิมโดยเฉพาะ เช่น อิหร่าน และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/58 นี้ หลังจากปีที่แล้วมีการลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานอาหารทะเลแปรรูป อย่างลูกชิ้นปลา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังจะมีการลงทุนด้านอื่น อย่างโรงงานที่บางพลี จะมีการนำเข้าเครื่องจักรใหม่ เพื่อทดแทนแรงงานที่ตอนนี้ขาดแคลน รวมถึงสร้างอาคารเพิ่ม และสร้างห้องเย็นใหม่ ใช้เงินประมาณ 60 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะมีการขยายร้านอาหารจานด่วน เช่น ร้านข้าวขาหมูยูนาน ที่มีการทำสัญญาล่วงหน้าแล้ว 35 สาขา ส่วนตลาดต่างประเทศมีเป้าหมายคือกลุ่มประเทศ CLMV คือประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ (พม่า) และเวียดนาม