18 หุ้นดาวเด่น (กลุ่ม SET50)
ตลาดอยู่ในช่วงการซื้อขายปลายปี โดยคาดมีคำสั่งซื้อ LTF เข้ามาอย่างหนาแน่น ส่งผลให้สถาบันในประเทศซึ่งมีการเตรียมเงินสดไว้รองรับนักลงทุนที่ทำการไถ่ถอนไปก่อนหน้า (ไถ่ถอนก้อนที่ครบกำหนดก่อนที่จะกลับมาส่งคำสั่งซื้อ LTF เพื่อใช้สิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีอีกครั้ง) ต้องหันเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง จะเห็นได้จาก 6 วันทำการที่ผ่านมามีการซื้อทุกวันสะสมแล้ว 1.09 หมื่นล้านบาท
เส้นทางนักลงทุน
ตลาดอยู่ในช่วงการซื้อขายปลายปี โดยคาดมีคำสั่งซื้อ LTF เข้ามาอย่างหนาแน่น ส่งผลให้สถาบันในประเทศซึ่งมีการเตรียมเงินสดไว้รองรับนักลงทุนที่ทำการไถ่ถอนไปก่อนหน้า (ไถ่ถอนก้อนที่ครบกำหนดก่อนที่จะกลับมาส่งคำสั่งซื้อ LTF เพื่อใช้สิทธิ์ในการหักลดหย่อนภาษีอีกครั้ง) ต้องหันเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่อง จะเห็นได้จาก 6 วันทำการที่ผ่านมามีการซื้อทุกวันสะสมแล้ว 1.09 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.บล.กสิกรไทย คาดว่าปลายปี 2560 นี้มีโอกาสที่จะมีคำสั่งซื้อ LTF จะมากกว่าทุกปี (คำสั่งซื้อ LTF ในเดือน ธ.ค. เฉลี่ย 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากมุมมองและความมั่นใจเชิงบวกของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจและเป้าหมายของตลาดหุ้นไทยในปี 2561 มีค่อนข้างสูง (Consensus คาด GDP Growth ปี 2561 อยู่ที่ +4.1% และ EPS Growth 11.4% รวมไปถึงคาดเป้าหมาย SET Index ไว้สูงถึง 1,867 จุด มี Upside 9.8%)
มีความเป็นไปได้ที่สถาบันในประเทศจะซื้อสุทธิอีกอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเน้นไปที่กลุ่มหุ้นที่กอง LTF ขนาดใหญ่ถือครองอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นใน SET50 ดังจะเห็นได้จากการขึ้นมากกว่าตลาดของ SET50 Index มา 7 สัปดาห์ติดต่อกัน ทั้งนี้คาดหมายว่าแรงขับเคลื่อนของ LTF จะดึงให้ตลาดโดยภาพรวมเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น SET Index จะกลับไปทดสอบ 1,720 จุดได้
คาดสถาบันในประเทศจะมุ่งเน้นเข้าซื้อในกลุ่มหุ้นที่กอง LTF ขนาดใหญ่ถือครองไว้อยู่ ซึ่งจะเป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคารฯ ค้าปลีก โรงแรม โรงพยาบาล ใน SET50 Index
สำหรับหุ้นดังกล่าว อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP, บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL,
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เป็นต้น
สำหรับหุ้นข้างต้นมักจะอยู่ในลิสต์การซื้อขายของกลุ่มสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะลักษณะราคาหุ้นเคลื่อนไหวขึ้นลงในทิศทางเดียวกับดัชนีตลาด และที่สำคัญการลงทุนหวังผลระยะยาวกับหุ้นที่มีสตอรี่โดดเด่น กำไรมาตามนัด ฐานะการเงินแกร่ง และมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจย่อมมีความปลอดภัย