พาราสาวะถี

เปิดบ้านปิ่นประภาคมให้คนเข้าอวยพรปีใหม่พร้อมรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนหลากกลุ่ม มีทั้งกลุ่มชาวเขาเผ่าม้งแห่งสยาม 16 เผ่าพันธุ์ภาคเหนือ ที่เดือดร้อนไม่มีที่ทำกินจากนโยบายรัฐบาลคสช. กลุ่มชาวนา และกลุ่มรัฐวิสาหกิจต่อต้านพระราชบัญญัติแปรรูปรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ สำหรับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 87 ปี แม้จะเดินเหินไม่คล่องเหมือนเดิม แต่ยังดูสดชื่นแจ่มใสและพูดจาเสียงดังแข็งแรงกว่าที่ผ่านมา


พาราสาวะถี : อรชุน

เปิดบ้านปิ่นประภาคมให้คนเข้าอวยพรปีใหม่พร้อมรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนหลากกลุ่ม มีทั้งกลุ่มชาวเขาเผ่าม้งแห่งสยาม 16 เผ่าพันธุ์ภาคเหนือ ที่เดือดร้อนไม่มีที่ทำกินจากนโยบายรัฐบาลคสช. กลุ่มชาวนา และกลุ่มรัฐวิสาหกิจต่อต้านพระราชบัญญัติแปรรูปรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ สำหรับ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีวัย 87 ปี แม้จะเดินเหินไม่คล่องเหมือนเดิม แต่ยังดูสดชื่นแจ่มใสและพูดจาเสียงดังแข็งแรงกว่าที่ผ่านมา

โอกาสนี้พ่อใหญ่จิ๋วได้จังหวะสะท้อนภาพปัญหาของประเทศไปยัง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมองสถานการณ์ในปีหน้าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ไม่ใช่คำตอบ เพราะขณะนี้ผู้คนลำบากมาก คนที่อาสาเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วต้องทำให้ประชาชนก่อน ในวันนี้คนกำลังจะอดตายกันหมดอยู่แล้ว ปีหน้าระบบเศรษฐกิจพังแน่ ปัญหาปากท้องประชาชนรอไม่ได้

อย่าเสียเวลากับการรูปแบบหรือคิดแต่เรื่องนโยบายสวยหรู ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การเลือกตั้งรูปแบบใหม่ มีไพรมารี่โหวตในระบบพรรคการเมือง แต่สิ่งสำคัญคือรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้หรือไม่ เห็นจากชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในวันนี้ได้คำตอบแล้ว ยังไม่ต้องพูดไปถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก่อนที่จะกระตุกเตือนน้องตู่ว่าต้องทำงานให้มากขึ้น ไปวิ่งทำงานเลย อย่าหลับ อย่าบ่นมาก อย่าด่ามาก สิ่งสำคัญคือท่าทีต้องปรับให้มีความสุขุมเยือกเย็น หนักแน่น โดยที่บิ๊กจิ๋วเห็นว่ากลับจากสงขลาแล้วท่านผู้นำมีทีท่าดีขึ้น

คงต้องเป็นแบบนั้นเพราะการลงไปพื้นที่จังหวัดสงขลาครานั้น รัฐบาลเสียรังวัดและคะแนนนิยมจากคนใต้ไปไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตาม บิ๊กจิ๋วไม่ติดใจที่จะมีพรรคทหารหรือไม่ และใครจะมาเป็นนายกฯหลังเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ว่าจะคนนอกหรือคนในก็ตาม ก่อนที่เจ้าตัวจะยืนยันหนักแน่นว่าวางมือและไม่เล่นการเมืองแล้ว แต่ยอมรับมีคนมาติดต่อ ขณะที่บางพรรคเอาชื่อตนไปแอบอ้างเป็นที่ปรึกษา

เป็นธรรมดาของคนที่มีฐานทางการเมือง แม้อาจจะหดหายไปไม่น้อยตามวันเวลา ส่วนเสียงของพี่จิ๋วจะดังพอทำให้น้องตู่ทำตามหรือไม่นั้น พอที่จะคาดเดากันได้เต็มที่ก็แค่น้อมรับคำแนะนำ สไตล์ท่านผู้นำที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คำตอบที่จะได้คือที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อประเทศชาติอยู่แล้ว แต่บางเรื่องบางอย่างจะให้ได้ดั่งใจทุกคนเป็นไปไม่ได้

นี่คือคาถาที่ท่องมาตลอดเกือบ 4 ปี ส่วนประเด็นการปลดล็อคพรรคการเมืองเพื่อให้ดำเนินการตามข้อบังคับของกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้มากว่า 2 เดือนแล้วนั้น หลังจากบิ๊กตู่ประกาศไปเมื่อวานจะใช้มาตรา 44 เพื่อให้พรรคทำธุรกรรมตามกฎหมายได้ ปัญหาก็คือจะคลอดคำสั่งดังกล่าวเมื่อไหร่และเนื้อหาจะออกมาอย่างไร

ฟังคำยืนยันจาก วิษณุ เครืองาม ต้องก่อนวันที่ 5 มกราคม 2561 นี้แน่นอน กรอบที่เนติบริกรประจำรัฐบาลอธิบายคือ หลักการของการออกคำสั่งตามมาตรา 44 หนนี้จะไม่มีอะไรไปกระทบหรือทำให้พรรคการเมืองเดือดร้อนแม้แต่พรรคเดียว ทั้งในการส่งผู้สมัครและไม่ได้รับเงินทุนอุดหนุนพรรคการเมือง ตอนนี้รอแค่เงื่อนเวลาที่เหมาะในการจะประกาศใช้คำสั่งเท่านั้น

แต่ฝ่ายการเมืองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ถึงแนวทางปฏิบัติที่จะออกมา โดย นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา บอกว่า สิ่งที่รู้คือจะมีการขยายเวลาอีก 90 วัน ซึ่งเชื่อว่าคงไม่ขยายให้เฉพาะการเช็กการเปลี่ยนแปลงของสมาชิกพรรคเท่านั้น เพราะตามกฎหมายพรรคการเมืองยังมีเงื่อนไขให้พรรคต้องทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ประชุมเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรค กำหนดนโยบาย ทำข้อบังคับพรรค ภายใน 180 วัน

ดังนั้น เมื่อคสช.จะขยายเวลาให้อีก 90 วัน ต้องขยายช่วงเวลาอื่นๆ ที่พรรคต้องทำกิจกรรมด้วย เช่น กรอบ 180 วันเมื่อขยายอีก 90 วัน ต้องรวมเป็นเวลา 270 วัน โดยคำสั่งตามมาตรา 44 จำเป็นต้องเขียนรายละเอียดให้ชัดเจน พรรคการเมืองสามารถทำอะไรได้บ้าง และกรณีของกลุ่มการเมืองที่เตรียมตั้งพรรคการเมือง สามารถทำอะไรได้บ้าง

ประเด็นสำคัญที่คสช.ควรคำนึงถึงด้วยคือ การปลดล็อคให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ต้องคำนึงถึงการสร้างความเป็นสถาบันในพรรคการเมืองมากกว่าหรือคิดแค่ว่าพรรคการเมืองคือการเลือกตั้งเท่านั้น ขณะที่ประเด็นหาสมาชิกพรรคนั้น ต้องคำนึงและเคารพถึงสิทธิของประชาชนที่ต้องการสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ด้วย ไม่ใช่ยึดแค่ว่าใครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดเท่านั้น

ฟาก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังย้ำแนวทางไม่มีปัญหากับการปลดล็อคหรือไม่ หรือจะปลดล็อคเป็นขั้นๆ แต่อยากให้คสช.พิจารณาถึงปัญหาที่แท้จริงและต้องวางกติกาข้อกำหนดให้ชัดเจน พรรคมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ปัจจุบันยังไม่สามารถปฏิบัติได้ คสช.จะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไร เพราะทั้งหมดคือกติกาที่คสช.เขียนขึ้นมาเอง จึงอยากให้มีความชัดเจนในตัวคำสั่ง เพื่อให้ทุกพรรคสามารถปฏิบัติหรือดำเนินกิจกรรมตามกฎหมายได้

สิ่งสำคัญที่คสช.จะต้องคำนึงถึงคือ การเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ด้วยความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เพราะไม่อยากให้เกิดการใช้อำนาจรัฐเพื่อสร้างความได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างในอดีต ประเด็นหลังนี้ต้องบอกว่า ใครที่เคยอยู่ในอำนาจในช่วงเลือกตั้งคงรู้ดีไม่เว้นแม้แต่อภิสิทธิ์ อยู่ที่ว่าอำนาจที่มีนั้นจะใช้ไปในรูปแบบใดเท่านั้นเอง คงไม่มีใครที่จะหว่านพืชแล้วไม่หวังผล

ขณะที่บางคนกลับมองว่าการปลดล็อคเล็กๆ นี้ แท้จริงแล้วเป้าหมายคงอยู่ที่การให้ผู้แสดงเจตจำนงจะตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ขยับดำเนินการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียมากกว่า แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด อย่างน้อยก็น่าจะช่วยทำให้แรงกระแทกที่มาจากฝ่ายการเมืองไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามลดความกดดันลงไปได้มาก ที่เหลือก็คอยดูว่าคำสั่งที่ออกมาจะกำหนดเงื่อนไขอะไรไว้บ้าง

แต่แค่นี้ก็น่าจะเป็นภาพสะท้อนให้เห็นแล้วว่า กฎหมายที่ยกร่างโดยผู้ซึ่งคสช.แต่งตั้งมา ขณะที่ผู้มีอำนาจยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะลงจากหลังเสือ มิหนำซ้ำ ยังถูกมองว่าต้องการจะอยู่ยาวหรือสืบทอดอำนาจอีก มันจึงเกิดภาพลักษณะเช่นนี้ขึ้น นี่ก็มีประเด็นการเพิ่มอำนาจดักฟังโทรศัพท์ให้กับป.ป.ช.อีก นี่กระมังที่เขาบอกว่าอำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนนั้นมักจะคิดอะไรที่สุดโต่ง ที่ไม่ใช่การก้าวไปข้างหน้าหากแต่เป็นการพาบ้านเมืองเข้ารกเข้าพงทะลุป่าหิมพานต์เหมือนที่ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ว่าไว้

Back to top button