เข้าโซนเหลือง
*วันนี้ “โมนิก้า” ค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกวันที่ผ่านมา เพราะรูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน การเคาะหุ้นยังโฟกัสไปที่หุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ราคาต่ำกว่าเป้า ส่วนหุ้นขนาดกลางก็มีทั้งการเล่นตามน้ำ และเริ่มขายทำกำไร ขณะที่หุ้นขนาดเล็กก็ถูกหมุนเวียนขึ้นมาเล่นเรื่อยๆ จึงทำให้รู้ว่านักเล่นยังพร้อมที่จะสู้สุดตัวนะจะบอกให้
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*วันนี้ “โมนิก้า” ค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นพิเศษกว่าทุกวันที่ผ่านมา เพราะรูปแบบการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่มีอะไรที่สลับซับซ้อน การเคาะหุ้นยังโฟกัสไปที่หุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี ราคาต่ำกว่าเป้า ส่วนหุ้นขนาดกลางก็มีทั้งการเล่นตามน้ำ และเริ่มขายทำกำไร ขณะที่หุ้นขนาดเล็กก็ถูกหมุนเวียนขึ้นมาเล่นเรื่อยๆ จึงทำให้รู้ว่านักเล่นยังพร้อมที่จะสู้สุดตัวนะจะบอกให้
*เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ขอนำเรื่องดีมีประโยชน์มาบอกเล่า เพื่อทำให้นักเล่นมีเวลาเตรียมตัวทำอะไรบางอย่างในอนาคต หลังสัญญาณทางเทคนิคเริ่มบอกให้รู้ว่าตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่โหมดซื้อมากเกินไป หรือที่บางคนชอบพูดกันติดปากว่า เข้าโซนเหลือง ซึ่งเป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องอ่านเกมขั้นถัดไปให้ออก ไม่เช่นนั้นอาจพลาดท่าไปซื้อหุ้นบนยอดดอยแบบไม่ทันตั้งตัวนะซี
*โดยสิ่งที่จะเริ่มเห็นต่อจากนี้ไปเรื่อยๆ คงเป็นแรงเทขายทำกำไรที่เริ่มออกมาประปราย โดยดัชนียังพยายามประคองตัวปิดในแดนบวก แต่สุดท้ายจะต้านไม่อยู่อย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ดัชนีทรุดตัวลงไปทดสอบแนวรับ 1,730 จุดเป็นด่านแรก หากรับไม่อยู่ก็จะไหลลงไปหาแนวรับบริเวณ 1,720 จุดอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดัชนีน่าจะประคองตัวเหนือแนวรับนี้ได้อย่างมั่นคงเจ้าค่ะ
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” มีความมั่นใจเช่นนั้นมาจากสัญญาณทางเทคนิคผงกหัวขึ้นทั้ง 4 เส้น ผสมผสานค่าสัญญาณเทคนิคของตัวอื่นๆ ยังอยู่ในทิศทางที่ดี จึงไม่น่าจะมีการทิ้งหุ้นแรงๆ ลงมาอีกในเร็ววัน เดี๊ยนถึงมองการยืนปิดที่ 1,738.16 จุด บวกไป 5.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.83 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นช็อตของการปรับตัวให้กลมกลืนกับสถานการณ์ที่ดัชนีเริ่มอืดๆ ในบางจังหวะนะคะ
*เหมือนกับการย่อตัวของหุ้น BANPU ลงมาแตะระดับ 18.40 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นไปปิดเสมอตัวที่ระดับ 18.80 บาท ด้วยมูลค่า 3.10 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการ Take Profit เพื่อดูแรงรับมีเข้ามาเยอะขนาดไหน หากวันนี้ยังยืนประคองออกด้านข้างได้อีกหนึ่งวัน ก็จะทำให้การขยับขึ้นในวันถัดไปทำได้ง่ายขึ้น แต่น่าเสียดายที่สัญญาณเทคนิคฟ้องว่า หุ้นอยู่ในโซนเหลืองพอดิบพอดี จึงต้องลุ้นกันถึงหยดสุดท้ายค่ะ
*ส่วนในรายของ SCB มีปัญหามากมายหลายเรื่องเข้ามาในชีวิต หุ้นเลยแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นส่วนใหญ่ ภาพการเคลื่อนตัวเลยเป็นแบบ W-Shape มาตั้งแต่ต้นปี ส่วนที่น่าตกใจคือในช่วงครึ่งปีหลังดันทำจุดต่ำสุดใหม่ให้เห็นมาแล้ว บวกกับในช่วง 3 เดือนล่าสุดหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 145-155 บาทเป็นส่วนใหญ่ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดเสมอตัวที่ 151 บาท น่าจะเป็นการแกว่งตัวเพื่อเลือกทางเดินนะจ๊ะ
*คล้ายกับกรณีของ CPF กระชากขึ้นมาปิดที่ 24.60 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 1.65% ด้วยมูลค่า 1.37 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการกลับทิศ หลังจากร่วงลงมาแรง บวกกับหุ้นแกว่งตัวออกด้านข้างเป็นเวลานาน จึงน่าจะถึงเวลากลับขึ้นไปโบยบินอีกครั้ง และจุดเด่นที่ทำให้เชื่อเช่นนั้นก็มาจากสัญญาณเทคนิคเส้น 10, 25 วัน ผงกหัวขึ้นอย่างชัดเจนแบบนี้ น่าลองดูสักตั้งนะคะ
*เม้าท์ถึงเรื่องที่ต้องลองดูขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอให้แฟนคลับหันมามอง TGCI เป็นลำดับถัดไปในทันที เพราะการทะยานขึ้นมาปิดที่ 3.04 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่า 166 ล้านบาท มันเป็นผลมาจากวิศวกรรมการเงินมากกว่าเรื่องไหนๆ และถ้ามองจากรูปการณ์เช่นนี้ก็เชื่อได้ทันทีว่าหุ้นจะทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงอีกหนึ่งวัน เพราะบริษัทที่นำมาควบรวมทำกำไรกันระเบิดระเบ้อนะซี
*ส่วนตัวแม่อย่าง SCC ก็คงนอนตีพุงอย่างสบายใจเฉิบ เพราะดีลควบรวมในเครือดังกล่าวเป็นการสร้างแวลูให้กับตัวแม่อย่างมีนัยสำคัญ ราคาหุ้นถึงกระโดดขึ้นมาปิดที่ 492 บาท บวกไป 10 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 2.20 พันล้านบาท แถมเรื่องดังกล่าวกลายเป็นแรงขับเคลื่อนราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปแตะ 500 บาทในไม่ช้าแบบนี้ ต้องตามไปดูด้วยความเต็มใจนะจะบอกให้
*ตรงกันข้ามกับในรายของ ACAP โดนถล่มยับเยินจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ มันเป็นโมเมนตัมที่น่าปวดใจเหลือเกินสำหรับคนที่เข้าไปช้อน เพราะเข้าไปช่วยรับทีไร ช้อนหักกลับมาทุกที “โมนิก้า” ถึงมองว่ายังไม่ถึงเวลาต้องกระโจนเข้าไปลุย สู้ดูอยู่วงนอกน่าจะดีที่สุดสำหรับกรณีนี้ หลังหุ้นโดนสาดออกมาอีกล็อต จนลงมาปิดที่ 11.30 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 5% บอกได้แค่ว่า ถอยดีกว่า!