พาราสาวะถี  

วิจารณ์กันเซ็งแซ่เลยทีเดียวสำหรับพรรคการเมืองเก่าไม่ว่าจะเป็น 2 พรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ และพรรคขนาดกลางอย่างชาติไทยพัฒนา หลังจากที่ได้เห็นคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ขยายเวลาให้พรรคการเมืองดำเนินการทางธุรการได้ จากคิดว่าจะมาช่วยผ่อนคลาย กลายเป็นขันน็อตล็อค (พรรคเก่า) แน่นยิ่งกว่าเดิม


อรชุน

วิจารณ์กันเซ็งแซ่เลยทีเดียวสำหรับพรรคการเมืองเก่าไม่ว่าจะเป็น 2 พรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ และพรรคขนาดกลางอย่างชาติไทยพัฒนา หลังจากที่ได้เห็นคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 53/2560 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ขยายเวลาให้พรรคการเมืองดำเนินการทางธุรการได้ จากคิดว่าจะมาช่วยผ่อนคลาย กลายเป็นขันน็อตล็อค (พรรคเก่า) แน่นยิ่งกว่าเดิม

ฟัง พลตรีปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคสช.อธิบายก็เป็นอีกทางการ แจกแจงผ่อนคลายการดำเนินกิจกรรมให้พรรคการเมือง ทั้งพรรคเดิมและพรรคที่จะจัดตั้งใหม่ แบ่งเป็น 4 ห้วงระยะเวลา ตั้งแต่ออกคำสั่งฉบับนี้ จนถึง 1 มีนาคม 2561 ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2561 จนถึง 1 เมษายน 2561 ตั้งแต่ 1 เมษายน 2561 จะเป็นการปลดล็อคใหญ่ และปิดท้ายด้วยการปลดล็อคด้วยการยกเลิกคำสั่งและประกาศคสช.ฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการเลือกตั้งโดยเสรี

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมหรือกระบวนการต่างๆ ในแต่ละห้วงเวลา เช่น การจัดทำทะเบียน การตรวจสอบสมาชิกใหม่ การแสดงตน รวมถึงการบริจาคเงิน อาจมีบุคคลหลายกลุ่ม หลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ คสช.มีเจตนาเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการอย่างแท้จริง ทั้งในการแสดงตัวตน แสดงการบริจาคเงินให้ชัดเจน

ก่อนที่จะตอบโต้นักการเมืองว่า ในเมื่อนักการเมืองต้องการจะช่วยปฏิรูปประชาธิปไตยทำให้เกิดความโปร่งใสจริง ก็น่าจะยอมรับได้ หากอ้างว่าทำให้เกิดความยุ่งยาก อาจจะทำให้สังคมผิดหวัง ก่อนจะอ้างว่า ก่อนที่จะมีคำสั่งนี้ คสช.ได้รับคำร้อง การให้ความเห็น การเสนอแนวทางที่เหมาะสมและเป็นไปได้ การพิจารณาข้อกฎหมายและผลกระทบต่างๆ รวมทั้งการประเมินสถานการณ์ และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ รวมทั้งนโยบายต่างๆ อย่างรอบด้าน ควบคู่ไปกับโรดแมปที่นำไปสู่การเลือกตั้ง

จึงจำเป็นต้องกำหนด เงื่อนไขเวลา ขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม และสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศให้เกิดเสถียรภาพมากที่สุด เป็นคำชี้แจงตามประสากระบอกเสียงที่หนีไม่พ้นยกเอาความชอบธรรม อ้างเรื่องนักการเมืองที่ต้องทำตัวให้ประชาชนไม่สงสัย ก่อนที่จะตบท้ายด้วยเรื่องปฏิรูป ความสงบเรียบร้อยและการเดินตามยุทธศาสตร์ ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย

ใครที่เคยเบื่อนักการเมืองประเภทแผ่นเสียงตกร่อง ถ้อยแถลงของทีมโฆษกคสช.ก็ไม่ได้ต่างกัน แต่สิ่งที่ช่วยยืนยันว่า คำสั่งตามมาตรา 44 ฉบับนี้ ไม่ได้ผ่อนคลายอย่างที่เข้าใจกัน จนเป็นที่มาของเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น คือบทให้สัมภาษณ์ของ อุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.ที่ยอมรับเสียงหนักแน่นว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการปรับที่เข้มข้นกว่ากฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับที่กรธ.จัดทำและสนช.กลั่นกรอง

ตรงนี้ สะท้อนภาพให้เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเหมือนกับการตามมาเก็บกวาดในสิ่งที่กรธ.ทำไม่เรียบร้อยและสนช.ก็ไม่ได้กลั่นกรองให้รอบด้าน ประเด็นเช่นนี้การที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ที่หมวกอีกใบเป็นสมาชิกคสช. อ้างว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเขียน คำสั่งมาตรา 44 ครั้งนี้  จึงมีคำถามจะมีสักกี่คนที่จะเชื่อน้ำคำของเนติบริกรชั้นครู

ยิ่งคำอธิบายเนื้อหาเป็นการปลดล็อคแบบมีเงื่อนไข ไม่ได้สร้างความได้เปรียบ เสียเปรียบมากนัก โดยพรรคใหม่เริ่มทำกิจกรรมได้วันที่ 1 มีนาคม 2561 ส่วนพรรคเก่าทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ยกเว้นการประชุมพรรคต้องยื่นเรื่องขออนุญาตคสช. พร้อมกับแจกแจงเรื่องข้อสังเกตการเขียนเงื่อนไขรีเซตสมาชิกพรรคทางอ้อมว่า เป็นการต้องการให้ยืนยันว่ามีสมาชิกอยู่จริง ไม่ใช่การรีเซตเหมือนที่ฝ่ายการเมืองเข้าใจ

นี่ขนาดไม่มีส่วนร่วมในการเขียนยังอธิบายถึงเจตนารมณ์และความต้องการของคสช.ได้เป็นฉากๆ นะเนี่ย (ฮา) พร้อมอธิบายต่ออีกว่า ตามกฎหมายพรรคการเมือง หากไม่มีการยืนยันตัวสมาชิกอาจมีปัญหาตามมาได้และส่วนตัวเชื่อหากพรรคเก่าติดตามสมาชิกได้จำนวนมากจะส่งผลให้มีสถานะได้เปรียบพรรคใหม่ นอกจากนี้ ในคำสั่งมาตรา 44 ได้เปิดช่องให้ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อความสะดวก ไม่ต้องไปตามล่าหาตัว และเมื่อหาสมาชิกได้ครบ 500 คน พรรคการเมืองจะมีสิทธิทำไพรมารีโหวตด้วย

ตามแนวทางที่อธิบายมาแบบนี้คงพอจะเห็นภาพกันได้ว่าพรรคใหม่หรือเก่ากันแน่ที่ได้เปรียบ และเป็นการปูทางให้กับใครหรือไม่ เช่นเดียวกับกรณีทุนประเดิมจำนวน 1 ล้านบาทของพรรคการเมืองที่คำสั่งคสช.ฉบับนี้ ตัดสิทธิทรัพย์สินหรือเงินของพรรคที่มีอยู่เดิมเป็นทุนประเดิมเริ่มต้น พรรคการเมืองเดิมย่อมกังขาเป็นธรรมดา

จะให้เข้าใจว่า เพื่อให้ทุนประเดิมของพรรคเป็นเงินที่ได้จากการบริหารของพรรคการเมืองที่ผ่านการลงขันของผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมือง รายละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท และไม่เกิน 50,000 บาท และเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวกันระหว่างพรรคเก่าและพรรคที่เตรียมจัดตั้งขึ้นใหม่ เมื่อย้อนกลับไปดูเจตนารมณ์ของคนร่างรัฐธรรมนูญและเขียนกฎหมายลูกก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

ด้วยเหตุนี้ วิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ย้ำว่า การออกคำสั่งดังกล่าวผู้ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจะเป็นพวกพรรคที่เพิ่งจดทะเบียนใหม่ ซึ่งในวันที่ 1 มีนาคม 2561 ก็สามารถขออนุญาต คสช.จัดประชุมได้เลย ในเมื่อขอมาคสช.ก็ต้องอนุญาตอยู่แล้ว เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าพรรคพวกนี้ตั้งขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไร

ส่วนพรรคใหญ่คิดว่าจะดำเนินกิจกรรมได้ราวเดือนมิถุนายน 2561 ซึ่งจะได้เปรียบเสียเปรียบประมาณ 3 เดือน เห็นท่าทีของคนพรรคเก่าแก่แล้ว ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี เพราะผลพวงจากการเป็นส่วนหนึ่งของการโบกมือดักกวักมือเรียกให้เกิดการรัฐประหารสองหนในรอบ 8 ปี สุดท้ายบทสรุปก็เป็นอย่างที่เห็น หากเลือกเดินบนเส้นทางประชาธิปไตย แพ้แล้วเลือกตั้งใหม่ตามกติกา ป่านนี้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอย่างสง่างามไปแล้ว ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นนายกฯหุ่นเชิดที่ไปตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร

Back to top button