CPT หลังกระต่ายตื่นตูม

แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ซีอีโอของบริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ มีงานชุกมากเป็นพิเศษสัปดาห์นี้ เพราะต้องหาทางแก้ปัญหาโรค “ราคาหุ้นหลุดจอง” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ 20 ธันวาคมที่เป็นวันเข้าเทรดวันแรก

วันนั้น ราคาหุ้นที่ขาย IPO ก่อนหน้าในราคา 2.30 บาท ที่ค่าพี/อี 14 เท่า…ตามปกติ ถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากแล้วเมื่อเทียบกับส่วนใหญ่ตั้งไว้เกิน 20 เท่า…หลุดจองตั้งแต่เริ่มการซื้อขายจนตลอดทั้งวัน

เล่นเอานักล่าหุ้นจองทุกระดับ กระเจิดกระเจิงเป็นกระต่ายตื่นตูมทั้งตลาดฯ

งานนี้ แม้ว่า ผู้บริหารของบริษัทจะอดเสียดาย ยื่นมือเข้าไป “ช้อนตระกอง” หุ้นแสนรักที่ “ฟูมฟัก” กันมายาวนาน คนละไม้ละมือ…สุ่มเสี่ยงกับข้อหา อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง น่าเสียวไส้…ก็ช่วยไม่ได้ (ดูตารางประกอบ 1)

ภาพลักษณ์เสียหายยับเยินพอประมาณ จำต้องออกปฏิบัติการกอบกู้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกัน ให้หายสงสัย

ทีมผู้บริหาร CPT จึงต้องเดินสายพบปะใครต่อใครถี่ยิบยิ่งกว่า หรือไม่น้อยกว่าตอนทำโรดโชว์ก่อนขายหุ้นจอง…เป้าหมายคือเคลียร์ข้อสงสัย และบอกเป้าหมายที่แท้จริง…ชนิด “จับเข่าคุย”

จุดที่พยายามเคลียร์ไปแล้ว…ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่…ประกอบด้วย

• กรณีหุ้น 135 ล้านหุ้น ของ 3 กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนที่ไม่ติดไซเลนต์พีเรียด 16% ตอกย้ำว่า ไม่ได้มีผู้บริหารรายใดขายหุ้นออกเลย และไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องขาย หุ้นยังคงอยู่ในศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ทั้งหมด…ไม่รวมหุ้นที่ผู้บริหาร “ช้อนซื้อเพิ่ม” วันที่ 20 ธันวาคม
• เรื่องโครงสร้างรายได้ของบริษัท ซึ่งโดยสภาพธุรกิจที่ทำงานด้านไฟฟ้ากำลัง ทำให้คนเข้าใจผ่านกระบวนการสื่อสารที่ไม่รอบด้านว่า มีรายได้จากงานโปรเจ็กต์ ที่รายได้ไม่สม่ำเสมอ…คล้ายธุรกิจรับเหมาติดตั้งไฟฟ้าทั่วไป…ซึ่งทำให้ทั้งนายสมศักดิ์ และ นาย อภิชาติ ปีปทุม กรรมการผู้จัดการ ที่ร่วมบุกเบิกก่อตั้งกันมายาวนานกว่า 22 ปี ยืนยัน นั่งยัน…นอนยัน…ว่า CPT มีดีและชัดเจนกว่านั้น
• CPT เป็นบริษัทที่ปลอดหนี้ แม้จะมีตัวเลขทางบัญชีบันทึกว่าล่าสุดค่าดี/อีอยู่ที่ระดับ 0.84 เท่า แต่หนี้ที่เกิดขึ้นเป็นหนี้การค้าทั้งหมด ขณะที่หนี้สินไม่หมุนเวียนนั้น มีแค่ 0.035 เท่า หรือ 35% ของสินทรัพย์รวมเท่านั้น
• กำไรสะสมที่ลดลงก่อนเข้าเทรดในตลาดฯของบริษัท ทั้งที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการจ่ายปันผลพิเศษผู้ถือหุ้นเดิม ก่อนการเข้าตลาด 91.98 ล้านบาท (ซึ่งแจ้งในไฟลิ่งไว้แล้ว) ทำให้คงเหลือกำไรสะสมล่าสุดเพียงแค่ 81.90 ล้านบาท ไม่ได้รบกวนสภาพคล่อง เพราะCPT มีกำไรสุทธิดีต่อเนื่องทุกปี รวมทั้งมีแผนขยายงานโดยไม่เพิ่มสัดส่วนหนี้สินจนเข้าข่ายสุ่มเสี่ยง

หากดูแผนภูมิโครงสร้างรายได้ของ CPT ที่นายสมศักดิ์ และนายอภิชาติ อธิบายแบบ “ชำแหละ” ออกมาหมดเปลือก…พบว่า มีอยู่ 4 ด้านด้วยกัน (ดูตารางประกอบ 2) คือ

1. ธุรกิจขายตู้ไฟฟ้า เป็นแหล่งรายได้หลักมากกว่า 50% ที่สม่ำเสมอจนเป็นที่มาของสภาพคล่องที่เพียงพอและทำให้ CPT ไม่เคยขาดแคลนเงินสด และไม่ต้องใช้เงินกู้จากธนาคารเลย 
2. ธุรกิจขายสินค้าสำเร็จรูปด้านอุปกรณ์เฉพาะ มีสัดส่วนรายได้ไม่คงที่ระหว่าง 13-22%
3. ธุรกิจบริการ รับเหมา และติดตั้ง มีสัดส่วนรายได้ระหว่าง 19-28% 
4. ธุรกิจให้บริการและซ่อมแซม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญมาตั้งแต่ต้นและตลอดไป แม้จะมีสัดส่วนรายได้ต่ำแค่ 2-6%

สัดส่วนโครงสร้างรายได้แบบ “3+1 ขาหยั่ง” ที่ค่อนข้างสมดุล สร็างความมั่นใจได้ว่าแผนงานในอนาคตที่จะสร้างรายได้จากธุรกิจต่อพ่วง…มีโอกาสไปได้สวย เพราะเป็นงานถนัดทั้งสิ้น

รายได้ในอนาคตของ CPT ที่วาดฝันเอาไว้ เช่น 1) ขยายฐานไปยังชาติอาเซียนที่ยังมีอนาคตและต้องการประสบการณ์จากไทยอีกมาก 2) การลงทุนสร้างโรงงานใหม่ขยายการผลิตตู้ไฟฟ้าแบบใหม่ที่ยกระดับสูงขึ้น 3) การประกอบ RMU ซึ่งเป็นสินค้าตู้ไฟฟ้าแบบพรีเมี่ยม…คือการต่อยอดของการระดมทุนประมาณ 600 ล้านบาท ในตลาดหุ้นครั้งนี้

ทั้งหมด ช่วยฉายภาพว่าเหตุใด นายสมศักดิ์ และผู้บริหารจึงมั่นใจกับคำกล่าวว่า แม้ว่าจะตั้งเป้าการเติบโตแบบอนุรักษนิยมไว้ที่ปีละประมาณ 10% จากฐานรายได้สิ้นปีนี้ที่ระดับ 1,450 ล้านบาท แต่เป้ารายได้ในปี 2563 เติบโตกว่าเท่าตัวจากปีนี้….จึงไม่ใช่ “เกินฝัน”

โดยเฉพาะรายได้จากต่างประเทศที่เกิดจากการเปิดกลยุทธ์ธุรกิจเชิงรุกหลังเข้าตลาดฯ คาดหมายว่าจะเติบโตมากกว่าเท่าตัวใน 2 ปีข้างหน้า หรือแตะระดับ 500 ล้านบาท จากปีนี้ที่ราว 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% (จากปัจจุบันที่ 10%)

เมื่อใดก็ตามที่นักลงทุนเข้าใจว่าธุรกิจของ CPT ที่พี/อีแค่ 14 เท่า ….แตกต่างโดดเด่นอย่างไร กระต่ายที่เคยตื่นตูมเพราะราคาหุ้นหลุดจอง ..ก็คงกลับมาซื้อ ดันให้ราคาหุ้นของ CPT โบยบินไม่ยาก….เว้นเสียแต่ไม่อยากจะบินเสียเอง

อิ อิ อิ