AU – DDD พุ่งเพราะ ‘แบรนด์’

หุ้น 2 ตัวนี้มีอะไรที่เหมือนกันอยู่หลายข้อ AU หรือ “อาฟเตอร์ ยู” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 23 ธันวาคม 2559 ส่วน DDD หรือ “ดู เดย์ ดรีม” เข้าซื้อขายเมื่อ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้ง AU และ DDD ต่างมีที่ปรึกษาทางการเงินรายเดียวกัน นั่นคือ “บล.บัวหลวง”


ลูบคมตลาดทุน : ธนะชัย ณ นคร

หุ้น 2 ตัวนี้มีอะไรที่เหมือนกันอยู่หลายข้อ

AU หรือ “อาฟเตอร์ ยู” เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 23 ธันวาคม 2559

ส่วน DDD หรือ “ดู เดย์ ดรีม” เข้าซื้อขายเมื่อ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา

ทั้ง AU และ DDD ต่างมีที่ปรึกษาทางการเงินรายเดียวกัน นั่นคือ “บล.บัวหลวง”

AU ช่วงก่อนเข้าตลาด กำหนดราคาไอพีโอ 4.50 บาท พี/อี อยู่ที่ 34.50 เท่า (คิดเป็นพี/อี ปี 2560 ที่ 23.2 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 15 เท่า และมี PE/G เพียง 0.6 เท่า)

ในวันแรกของการซื้อขาย ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปถึง 12.00 บาท เปลี่ยนแปลง 200% หรือทำซิลลิ่ง

และในวันถัดมาราคาหุ้นยังเกือบซิลลิ่งอีก

นั่นคือ ราคาขึ้นไปสูงสุด 13.51 บาท (ซิลลิ่ง 15.6 บาท) ก่อนจะลงมาปิด 11.56 บาท

หลังจากนั้น ราคาหุ้น AU ค่อยๆ ปรับลง จนมีอยู่ช่วงหนึ่งลงไปปิดต่ำสุด 7.45 บาท

ทว่า หลังจากนั้น ราคาหุ้นค่อยๆ ปรับขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังได้ขายขนมหวานผ่านร้านกาแฟสตาร์บัคส์

ล่าสุดมาปิดอยู่ที่ 12.00 บาท และพี/อี อยู่ที่ 83.13 เท่า หรือครบรอบ 1 ปีพอดี หลังการเข้าตลาดหุ้นของ AU

แล้ว DDD ล่ะ

อย่างที่รับข้อมูลกันไปแล้ว จำนวนหุ้นของ DDD ที่เสนอขายไอพีโอมีเพียง 76 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 53 บาท

และหุ้นมีระดับพี/อี 54 เท่า

เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 26 ธันวาคม 2560 หรือใกล้เคียงกับเทรดหุ้นวันแรกของ AU

จะว่าไปแล้วทั้ง AU และ DDD ต่างมีระดับพี/อี ค่อนข้างสูง

ทำให้บุคคลที่มองหุ้นในเชิงคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว ก็จะบอกว่า ราคาไม่น่าผ่านจอง (หรือไอพีโอ) แต่ไม่ได้มองในด้านของพื้นฐาน และโอกาสในอนาคต รวมถึง “ดีมานต์และซัพพลาย” ที่นักลงทุนต้องการหุ้นตัวนั้นๆ

ทั้ง AU และ DDD เป็นหุ้นที่นักลงทุนต้องการหุ้น (ไอพีโอ) อย่างมาก

ขณะที่จำนวนหุ้นไอพีโอที่ขายมีจำนวนค่อนข้างน้อย

มีข่าวว่า หุ้น DDD มีนักลงทุนต้องการหุ้นตัวนี้อย่างมาก และมากกว่าหุ้น GULF ที่ บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (ร่วมกับกสิกรไทย และไทยพาณิชย์) ให้เช่นเดียวกัน

“ความต้องการที่ล้น” ทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นๆ พุ่ง

ร้าน อาฟเตอร์ ยู ในสายตานักลงทุน หรือที่ได้สัมผัสคือ ร้านขนมที่คนเข้าไปใช้บริการจะต้องต่อแถว คิวยาวเหยียด

ปี 2559  หุ้น AU มีกำไรสุทธิ 98.77 ล้านบาท

ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 หุ้น AU มีกำไรสุทธิแล้ว 94.93 ล้านบาท

AU ตั้งเป้าหมายที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 17% และอัตรากำไรขั้นต้นที่ไม่ต่ำกว่า 60%

ส่วน DDD จะมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและมีลูกค้าใช้กันจำนวนมาก นั่นคือ “สเนลไวท์” ที่มีดาราหญิงตัวแม่ ชื่อดังได้รับการว่าจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ เช่น อั้ม พัชราภา, ชมพู่ อารยา, มิว นิษฐา, นานา ไรบีนา และอีกหลายๆ คน

สเนลไวท์ ยังเป็นเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดของจีนด้วย

DDD นั้นยังมีโรงงานในการผลิตเครื่องสำอางเป็นของตัวเอง นั่นคือจุดแข็งที่แตกต่างจากหุ้นความสวย ความงาม หลายๆบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นขณะนี้

เงินที่ DDD ได้จากการระดมทุนก็จะนำไปใช้สร้างโรงงานแห่งใหม่เป็นหลัก

อาฟเตอร์ ยู ก็นำเงินไปใช้เพื่อการขยายธุรกิจเป็นหลักเช่นกัน

ราคาหุ้นที่พุ่งแรงของทั้ง AU และ DDD นอกจากเรื่องของพื้นฐาน และโอกาสทางธุรกิจในอนาคตแล้ว

ในด้านของ “แบรนด์” ก็เป็นอีกปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นไอพีโอทั้ง 2 ตัวนี้ประสบความสำเร็จ จากการที่คนส่วนใหญ่ และนักลงทุนต่างรู้จัก

นั่นคือสิ่งที่นักลงทุน “สัมผัส” ได้

‘แบรนด์’ ดีมีชัยไป (มาก) กว่าครึ่งแล้ว

Back to top button