ญี่ปุ่นลูบคมตลาดทุน

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์พาสื่อมวลชนไปประเทศญี่ปุ่นมาครับ


ธนะชัย ณ นคร

 

ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์พาสื่อมวลชนไปประเทศญี่ปุ่นมาครับ

การเดินทางในครั้งนี้มีผู้บริหารระดับสูงมากันเกือบครบ

นำโดยคุณญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร SCB

และที่ขาดไม่ได้คือคุณกรรณิกา ชลิตอาภรณ์

มาเจอคุณกรรณิการอบนี้ (หลังหมดวาระ) เหมือนจะสวยและใสขึ้น ซึ่งจะต่างจากสองคนแรกที่เหมือนจะมีรอยหยักย่นบนใบหน้าเพิ่มขึ้น

รายละเอียดเกี่ยวกับของธนาคารมีอยู่ในเนื้อข่าวหน้า 1 แล้วครับ

เห็นว่าจะมีการปรับโครงสร้างด้านรายได้กันใหม่และอื่นๆ และน่าจะมีการแถลงข่าวอีกรอบในเร็วๆ นี้

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ถือว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะมีนัยสำคัญอย่างมาก

และเป็นการสื่อว่า พวกเขาไม่ได้ทำธุรกิจแบบตั้งรับ

ทว่า พร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

วกกลับมาที่ญี่ปุ่นกันดีกว่า

จุดหมายปลายทางที่ไทยพาณิชย์พาไป คือ โตเกียว แต่บินไปลงที่สนามบินนาริตะ (NRT)

สนามบินแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน เพื่อรองรับสนามบินฮะเนะดะ (HND) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว เป็นสนามบินเก่าแก่ของโตเกียวที่เปิดใช้มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง หรือราวๆ ปี 1930

เมื่อมีสนามบินนาริตะ ตัวของฮะเนดะก็จะเอาไว้รองรับสายการบินในประเทศเท่านั้น

แต่ไปๆ มาๆ สนามบินนาริตะแออัดมากขึ้น

ทางญี่ปุ่นเขาก็เลยให้ฮาเนดะ มาช่วยรองรับสายการบินต่างประเทศอีกครั้ง

ดูไปแล้ว ปัญหาเรื่องสนามบินของบ้านเรา ก็น่าจะคล้ายๆ กับของบ้านเขานั่นแหละ เพราะหากส่วนต่อขยายสุวรรณภูมิยังไปไม่ถึงไหนเข้าใจว่าก็คงต้องลากดอนเมืองมาช่วยกอบกู้จราจรการบินเพิ่ม

การไปญี่ปุ่นครั้งนี้ เป็นรอบ 2 ปีพอดี ที่เดินทางไปอีกครั้ง

สิ่งที่น่าสนใจคือ เที่ยวบินนี้เป็นเครื่องบินแบบ A380-800 หากจำไม่ผิดน่าจะจุผู้โดยสารได้กว่า 500 คน

ผมลองมองไปรอบๆ เครื่องบิน (ผู้โดยสารเต็มลำ) ส่วนใหญ่เป็นคนไทยครับ เป็นคนไทยจริงๆ มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ก็มี ครอบครัวก็มี เป็นคู่ๆ ก็มีเช่นกัน

มีตัวเลขการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นครับ

นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาญี่ปุ่นมากสุดคือ จีน รองลงมาคือ เกาหลี, ไต้หวัน และประเทศไทยของเราอยู่อันดับ 4

ส่วนตัวผมว่า เราน่าจะมีอันดับขยับบ้างแล้วนะในตอนนี้

เพราะเมื่อเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น Fujisan ก็จะพบคนไทยอีกเช่นกัน หรือที่ Meiji Shrine ศาลเจ้าชื่อดังของชาวโตเกียวก็พบคนไทยค่อนข้างมาก น่าจะสูสีกับคนจีนเลย

หรือย่านการค้า ช้อปปิ้งต่างๆ ก็พบคนไทยอีก

ขณะที่ป้ายของร้านค้าต่างๆ เพื่อแจ้งเตือน หรืออื่นๆ ก็จะมีภาษาไทยกำกับไว้เกือบทุกร้าน

ภาวการณ์เช่นนี้ค่อนข้างต่างจากปีที่ผมเคยเดินทางไปก่อนหน้านี้

เวลาไปแล้วพบคนไทยก็จะดีใจ แต่รอบนี้ รู้สึกเฉยๆ หรืออย่างมากส่งยิ้มให้กัน เพราะพบคนไทยได้เกือบทุกๆ ที่ที่เดินทางไปครับ

ซึ่งนี่ก็เป็นผลจากที่ญี่ปุ่นเขายกเลิกวีซ่าให้สำหรับนักท่องเที่ยวไทย

การเดินทางระหว่างเมืองของญี่ปุ่นด้วยรถยนต์ยังคงสะดวกสบาย เพราะส่วนใหญ่เป็นทางมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมระหว่างเมือง มีจุดพักที่เป็นระเบียบเรียบร้อยห้องน้ำยังคงสะอาด

ของไทยเองนั้นที่มีแผนจะก่อสร้างในหลายเส้นทาง เข้าใจว่าน่าจะไปดูๆ งานกันมาบ้างแล้ว

โรงงานกำจัดขยะที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าขึ้นชื่อมากเรื่องความทันสมัย

ข่าวว่า มีหน่วยงานราชการของไทยมาดูงานบ่อยครั้ง ของ กทม.ก็เคยมาดู และชมโน่น ชมนี่ กลับไปต้องสร้างแน่ๆ แต่ผ่านมา 2-3 ปีแล้ว ยังไม่ได้ผุดขึ้นสักโรงงาน

แม้ว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะยังคงมีปัญหาบ้าง

แต่ค่าครองชีพก็ยังคงสูง

ผมไปนั่งดื่มเบียร์ข้างทางแบบบ้านๆ กับเพื่อนผู้สื่อข่าว 6 คน กินเบียร์ไปเฉลี่ยคนละ 2 แก้ว และมีตับย่าง+ไก่ย่าง เสียบไม้ (เหมือนของไทยนี่แหละ) สั่งมา 5 ไม้ เรียกเก็บเงินเบ็ดเสร็จราว 10,500 เยน หรือราวๆ 3,000 บาทไทย

นี่ถือว่าถูกแล้วนะครับ

สินค้าต่างๆ โดยเฉพาะขนม ยังคงมี Packaging สวยงาม ชวนเสียเงินซื้อซะจริงๆ

ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น และแฟมิลี่ มาร์ท เห็นได้โดยทั่วไปเช่นเดียวกับไทย

แต่ก็ยังเห็นร้านค้าที่ยกระดับมาจากร้านขายของชำได้โดยทั่วไปเช่นกัน มีคนญี่ปุ่นเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก ราคาสินค้าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก

คนญี่ปุ่นจะทำงานค่อนข้างเครียด ทำให้มีสถิติในการฆ่าตัวตายค่อนข้างสูงอยู่

ฟังแล้ว รู้สึกว่าการมีความสุขแบบพอเพียงก็ดีเหมือนกัน

มันทำให้เราไม่ต้อง High Profits มาก

 

 

 

 

 

Back to top button