พาราสาวะถี

เมื่อเปิดตัวเป็นนักการเมืองแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเหนียม ต้องอายอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มีสถานะเป็นกรรมการอีกต่อไปแต่คือผู้เล่นคนหนึ่งในเกมการเมือง เพียงแต่ว่าเป็นนักการเมืองแค่คนเดียวที่สามารถเดินสายหาเสียงไปได้ทั่วราชอาณาจักรและยังเป็นคนเดียวที่มีอำนาจวิเศษอย่างมาตรา 44 อยู่ในมือ


อรชุน

เมื่อเปิดตัวเป็นนักการเมืองแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเหนียม ต้องอายอะไรอีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มีสถานะเป็นกรรมการอีกต่อไปแต่คือผู้เล่นคนหนึ่งในเกมการเมือง เพียงแต่ว่าเป็นนักการเมืองแค่คนเดียวที่สามารถเดินสายหาเสียงไปได้ทั่วราชอาณาจักรและยังเป็นคนเดียวที่มีอำนาจวิเศษอย่างมาตรา 44 อยู่ในมือ

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันงานเลี้ยงปีใหม่นักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล บิ๊กตู่จะเปิดเกมการเมืองอีกดอกว่าด้วยการเป็นนายกฯคนนอก การที่เจ้าตัวไม่ประกาศให้ชัดว่าจะรับตำแหน่งหรือไม่ และยังบอกด้วยว่าจะไม่ประกาศตัดทางตัวเอง มิหนำซ้ำ ยังอ้างเรื่องรัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้มีนายกฯคนนอกได้ และต่อไปจะไม่มีปฏิวัติเพราะนายกฯคนนอกเลือกกันในรัฐสภา ตรงนี้ยิ่งเป็นเครื่องหมายยืนยันชัดเจนถึงข้อครหาการก่อรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญ

ชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่า สิ่งที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ พร้อมคณะ กรธ.ยกร่างกันขึ้นมาด้วยการให้มีนายกฯคนนอก การเปิดช่องให้ ส.ว.เลือกตั้ง 250 คนมีสิทธิ์ร่วมโหวตเลือกนายกฯได้ เหล่านี้คงไม่ต้องบอกว่าเป็นไปเพื่อใคร แน่นอนว่า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวลีอมตะที่ยังคงใช้ได้เสมอ ชนชั้นใดเขียนกฎหมายย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชนชั้นนั้น

จากโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสเพื่อรองรับสิ่งเหล่านี้ สิ่งที่ต้องยอมรับกันโดยเฉพาะนักการเมืองคือ หากรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าสุมหัวกันเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ คงต้องยอมรับกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ว่าคำถามที่จะตามมาคือ 2 พรรคการเมืองใหญ่จะจัดวางสถานะของตัวเองอยู่ตรงไหนในสภาหินอ่อน

พรรคเพื่อไทยนั้นชัดเจน แสดงเจตนารมณ์แล้วว่าถ้าบิ๊กตู่เป็นนายกฯคนนอกพรรคนายใหญ่ก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคเก่าแก่ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ มีแต่เพียงการประชดประชันและแสดงความยินดีที่พลเอกประยุทธ์ประกาศตัวเป็นนักการเมือง อย่างไรก็ตาม วัชระ เพชรทอง และ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ต่างก็ให้ความเห็นในทางเดียวกันคือ แนะนำการเป็นนักการเมืองที่ดีให้กับท่านผู้นำ

รายของวัชระนั้นถึงกับบอกข้อบัญญัติ 10 ประการของความเป็นนักการเมืองที่ดีให้กับบิ๊กตู่ทีเดียว อันได้แก่ ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่รัฐประหารยึดอำนาจเข้ามา มือต้องไหว้และเคารพประชาชน ไม่ตะคอกประชาชน ต้องให้ประชาชนเข้าถึงร้องทุกข์ได้ง่าย ไม่ใช้อำนาจบาตรใหญ่สั่งทหารอุ้มประชาชนไปไว้ในค่ายทหาร

ต้องมีจิตอาสามารับใช้ประชาชนและพร้อมให้ประชาชนตรวจสอบอย่างสง่างาม ไม่ใช้องค์กรอิสระเป็นเครื่องมือฟอกตนเอง ต้องพูดแล้วทำ ไม่ทำในสิ่งที่สวนทางกับคำพูดของตนเอง ต้องเคารพกฎหมาย การออกกฎหมายต้องฟังเสียงของประชาชน ไม่ยกตนข่มท่านว่า ข้าพเจ้าคือกฎหมายสูงสุดอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ หรือจะใช้กฎหมายให้เข้มข้นกว่านี้อีก

ต้องมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล ต้องเป็นแบบอย่างและไม่ปกป้องพวกพ้อง ที่ทุจริตคอรัปชั่น ต้องมีหิริโอตัปปะและมียางอาย ไม่โกหกประชาชนครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าอ้างศาสตร์ของพระราชา ต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง มีความพอเพียง ไม่ทอดทิ้งหาบเร่แผงลอย คนจนและเกษตรกร แล้วเอาใจเจ้าสัวนายทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศเช่นทุกวันนี้ สุดท้ายต้องพิสูจน์ตนเองในสนามเลือกตั้งว่าได้รับการยอมรับจากประชาชนหรือไม่

แม้จะดูออกมาในเชิงกระแนะกระแหน แต่ก็เป็นความจริง ไม่ต่างจากนิพิฏฐ์ที่แนะท่านผู้นำว่า ต่อจากนี้ต้องพร้อมยอมรับการตรวจสอบทางการเมือง ต้องใช้หลักเกณฑ์เดียวกับนักการเมือง ใช้จริยธรรมของนักการเมืองเป็นหลักด้วย เพราะนักการเมืองอยู่ได้ด้วยการไว้วางใจจากประชาชน ไม่เหมือนผู้บัญชาการทหารบกหรือข้าราชการที่อยู่ได้โดยไม่ต้องได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

ขณะที่น้องเล็กเริ่มแสดงบทบาทอันเป็นการต่อยอดไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ชะตากรรมของพี่ใหญ่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อประเด็นแหวนเพชรและนาฬิกาหรู ที่อยู่ในกระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ถ้อยแถลงของ วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช.เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็น่าจะทำให้เห็นปลายทางแล้วว่าจะจบลงอย่างไร

ตัวละครก็ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เป็นไปตามกระแสข่าวที่ออกมาก่อนหน้านั้นว่า แนวทางการชี้แจงจะออกมาในรูปของแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน เรื่องที่ ป.ป.ช.ยังติดใจประเด็นแหวนเพชรแล้วให้บิ๊กป้อมชี้แจงเพิ่มเติมภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคมเป็นต้นไปนั้น ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้น ขณะที่นาฬิกาหรูก็บอกว่าชี้แจงทุกเรือนตามที่ปรากฎเป็นข่าว

ความน่าสนใจอยู่ที่เอกชน 4 รายที่ถูกเอ่ยถึงว่าเป็นเจ้าของนาฬิกานั้น มีบางรายที่ ป.ป.ช.ต้องออกไปสอบปากคำนอกสถานที่ สิ่งที่เลขาฯ ป.ป.ช.ไม่ยอมบอกก็คือ หนึ่งในนั้นมีชื่อของ วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าพ่อคิงพาวเวอร์รวมอยู่ด้วยหรือไม่ มากไปกว่านั้นคือ หากการชี้แจงรวมเอานาฬิกาเรือนที่ 15 ที่เพิ่งเป็นข่าวแค่ไม่กี่วันก่อนที่ ป.ป.ช.จะแถลงเข้าไปด้วย สังคมก็เกิดคำถามว่า ป.ป.ช.รู้และได้ถามพลเอกประวิตรได้อย่างไร หรือเป็นการชี้แจงเข้าไปด้วยตัวเองว่าครอบครองนาฬิกาหรูไว้ทั้งหมดกี่เรือน

บทสรุปของเรื่องนี้ คงไม่ต่างจากคดีการเช่าเครื่องบินเหมาลำของการบินไทยไปประชุมที่รัฐฮาวายสหรัฐอเมริกา ของพลเอกประวิตรที่ปรากฎว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาไปตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมปีที่แล้ว แต่เพิ่งมีการแถลงข่าวเอาวันเดียวกันกับที่แถลงเรื่องนาฬิกาหรูว่า ไม่ปรากฏว่ามีการกระทำผิดระเบียบแต่อย่างใด จึงมีมติไม่รับไว้ดำเนินการไต่สวน

นี่แหละที่เป็นสาเหตุถึงความไม่ไว้วางใจของสังคมต่อกระบวนการทำงานขององค์กรอิสระแห่งนี้ สิ่งที่เลขาฯ ป.ป.ช.ท่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่รับตำแหน่งมาไม่กี่วันก่อนคือคำขวัญของ ป.ป.ช.ที่ว่าซื่อสัตย์ เป็นธรรม และมืออาชีพ ขอให้มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่กรณีของพลเอกประวิตรเชื่อว่าไม่น่าจะจบแค่ประเด็นนี้แน่นอน

ปิดท้ายด้วยเรื่องของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันนี้ชัดเจนว่าปักหลักอยู่ที่อังกฤษ คงไม่ต้องถามว่าภาพที่เริ่มหลุดมานั้นของจริงหรือไม่ สิ่งที่ต้องถามกันมากกว่าคือ สิ่งที่รัฐบาล คสช.ประสานไปยังทางการผู้ดี ทำไมจึงไร้คำตอบ ตรงนี้มันสะท้อนถึงอะไรบางอย่างหรือเปล่า ที่น่าสังเกตกลายเป็นว่าภาพหลุดของยิ่งลักษณ์กลับไม่มีเสียงตอบรับหรือวิจาร-ณ์ใดๆ โดยเฉพาะฝ่ายกองแช่ง มันเป็นอะไรที่ผิดปกติอยู่ไม่น้อย

Back to top button