ประเทศคาเฟ่

ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

ผู้ชมทางบ้านฝากชมเลขาธิการ ป.ป.ช. วรวิทย์ สุขบุญ ว่าท่วงทีลีลาประเทืองอารมณ์ขัน ยิ้ม หัวเราะ ยิงฟัน ตอบคำถามนักข่าวอย่างเป็นกันเอง ระหว่างแถลงเรื่องนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งนอกจากจะสอบคนนอก 4 คน ข้อมูลที่เหลือยังเปิดเผยไม่ได้ทั้งนั้น

ผู้ชมทางบ้านก็ได้แต่หัวเราะตามไปด้วย เพราะไม่รู้จะหวังอะไร นาฬิกามีกี่เรือนยังไม่ชัดเลย วันนั้นเลขาธิการ ป.ป.ช.อุทานว่ามี 15 เรือนแล้วหรือ แต่วันถัดมาก็โผล่ถึงเรือนที่ 17 แล้วครับท่าน

น่าจะมีคนแจ้ง ป.ป.ช.ตามสอบกระเป๋าแอร์เมสยิ่งลักษณ์ดีกว่า ไหนว่าหนีหัวซุกหัวซุน กลับหิ้วกระเป๋าใบละ 2 ล้าน เดินเย้ยหยันกระบวนการยุติธรรมอยู่กลางกรุงลอนดอน

แต่เอาน่า ให้เวลา ป.ป.ช.หน่อยเพราะคงต้องสอบอีกนาน อย่างกรณี พล.อ.ประวิตรเช่าเหมาลำไปประชุมฮาวาย 20.9 ล้าน ป.ป.ช.ต้องใช้เวลานานเป็นปี กว่าจะสรุปได้ว่าบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่ถือเป็นประโยชน์ทับซ้อน ไม่เหมือนพวกหมอ พยาบาล พกมือถือจากบ้านมาใช้ไฟหลวงชาร์จแบต จนปลัด สธ.ต้องสั่งห้าม

อยู่ประเทศนี้ต้องมีอารมณ์ขันเยอะหน่อย ใช้เหตุผลน้อยหน่อย ถ้ามัวแต่ตั้งคำถามคงเครียดตาย เช่น ทำไม ผบ.ตร.ต้องนำกำลังอรินทราชจู่โจมจับผู้ต้องหายิงปืนขึ้นฟ้าด้วยตัวเอง ก็ดูคลิปฟังเพลงแล้วหัวเราะตามไปดีกว่า

ทำไมพอมีคนไปยื่นตรวจสอบท่านผู้นำซื้อลูกหมาตัวละ 6 พัน ไปฝากรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รองนายกรัฐมนตรีเนติบริกรจึงเสนอไอเดียแก้ไขกฎหมายให้ทันยุคสมัย พูดอีกก็ถูกอีก เงิน 3,000 กำหนดตั้งแต่ปี 2542 เดี๋ยวนี้ซื้อของได้ไม่กี่ชิ้น แต่ชาวบ้านก็หัวร่อท้องแข็ง ทำไมมาพูดตอนนี้ นี่ถ้าเป็นนักการเมืองจากเลือกตั้ง โดนถล่มตาย

ทำไมผู้นำรัฐประหารที่พูดตลอดมาว่าตัวเองไม่ใช่นักการเมือง จึงเปลี่ยนใจรับว่าเป็นนักการเมือง แต่ไม่ใช่รัฐบาลทหาร ทำไมจึงตั้ง 6 คำถาม ขอสนับสนุนพรรคการเมืองโดยอ้างว่าจะยังจัดเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม แล้ววันนี้ก็ไม่ตัดโอกาสตัวเองนั่งนายกฯ คนนอก

ถามไปก็ไลฟ์บอย เพราะสังคมไทยไม่อยากใช้เหตุผลอยู่แล้ว อยู่ที่ใครเลือกข้างไหน เหมือนอย่างพรรคการเมืองที่ระดมพลเป่านกหวีดทำลายประชาธิปไตย พอวันนี้อกหัก ก็กลับมาต่อต้านพรรคทหาร เหมือนก๊วนการเมืองที่เคยยึดทำเนียบยึดสนามบิน วันนี้พอจะถูกยึดทรัพย์พันล้าน ก็กลับมาเต้นเร่าๆ ชูธงต้านเผด็จการ

ประเทศนี้ก็อยู่กันไปแบบนี้ อยู่ที่ใครมีอำนาจชี้ขาด อำนาจตีความ เหมือนที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตีความคำว่า “เปิดเผย” ใครจะกล้าเถียง ท่านผู้นำตีความคำว่า “ใช้กองหนุนไปเกือบหมด” แปลว่า “ให้กำลังใจรัฐบาล” ใครจะกล้าแย้ง ชาวบ้านทั่วไปก็ได้แต่ก้มหัวต่ำๆ เอาตัวรอดไว้ก่อน เพียงแต่ขอมีอารมณ์ขัน ขอหัวเราะไว้บ้างพอประโลมใจ

ถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ก็อย่าไปคาดหวังมาก มีเลือกตั้ง ไม่มีเลือกตั้ง ก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ ระหว่างประชาธิปไตยเสมือนจริง กับเผด็จการที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตย 99.99% ไม่ว่าอย่างไร การเมืองก็จะยุ่งเหยิงสับสน ความขัดแย้งจะยิ่งร้อนแรง แต่ไร้อนาคต ดูโพลต่างๆ ชาวบ้านก็ไม่ค่อยคาดหวังแล้ว หันไปติดตามไอจีดาราหรือตามข่าวดราม่ากันมากกว่า

การเมืองหรือเศรษฐกิจก็ไม่ต่างกัน ไม่มีใครคิดอะไรยาวๆ คิดแค่เฉพาะหน้า เช่นอย่าไปคิดมากเรื่องความยั่งยืน ก้าวพ้นกับดัก ฯลฯ คิดเรื่องค้าออนไลน์ขายครีมขายเครื่องสำอางไปดีกว่า