สังคมข่าวหุ้น
ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,794.92 จุด ปรับลดลง 0.29 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 8.9 หมื่นล้านบาท * คอหุ้นใหญ่บลูชิพที่ยังอยากลงทุนในหุ้นที่วิ่งไปต่อกับพี่ SET รอบนี้ขอโฟกัสสำคัญไปที่ PTT หลังจากเมื่อวานซัดมูลค่าการซื้อขายสูงท่วมเฉียด 6 พันล้านบาท ไฮไลท์สำคัญ คือ กรณีล่าสุดทางโบรกฯ ต่างชาติอย่าง “เจพีมอร์แกน” สั่งอัพราคาเป้าหมายใหม่เป็น 550 บาท จากเดิมให้ไว้แถว 525 บาท
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,794.92 จุด ปรับลดลง 0.29 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 8.9 หมื่นล้านบาท
* คอหุ้นใหญ่บลูชิพที่ยังอยากลงทุนในหุ้นที่วิ่งไปต่อกับพี่ SET รอบนี้ขอโฟกัสสำคัญไปที่ PTT หลังจากเมื่อวานซัดมูลค่าการซื้อขายสูงท่วมเฉียด 6 พันล้านบาท ไฮไลท์สำคัญ คือ กรณีล่าสุดทางโบรกฯ ต่างชาติอย่าง “เจพีมอร์แกน” สั่งอัพราคาเป้าหมายใหม่เป็น 550 บาท จากเดิมให้ไว้แถว 525 บาท
* ดังนั้น จึงถือเป็นจุดน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาเป้าหมายรอบนี้ที่เจพีมอร์แกนเคาะเปรี้ยงให้กับพี่ใหญ่ตลาดหุ้นไทย เท่ากับเป็นราคาเป้าหมายที่สูงกว่าโบรกฯ ไทยกำหนดไว้ (อิง Consensus) ในราคาเฉลี่ยเพียงแค่ 489 บาท และเท่ากับมากกว่า Consensus ร่วม 60 บาท เลยทีเดียว
* แล้วยังหมายความว่าในมุมมองการลงทุนจากฝั่งต่างชาติ ยังให้ทิศทางเชิงบวกต่อหุ้น PTT แบบเต็มตัว บวกกับพี่ PTT เองแล้วก็ยังมีปัจจัยหนุนด้านพื้นฐานที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นตัวงบปี 2560 ที่เตรียมประกาศออกมาในช่วงกลางเดือน ก.พ. และงวดปี 2561 ยังคงมีแนวโน้มทำกำไรโตสดใสต่อเนื่อง ใครมีหุ้นอยู่แล้วในมือสามารถถือลงทุนกันได้ยาวต่อไปสบาย แต่ถ้ายังไม่มีและอยากเป็นเจ้าของ ควรอดใจรอจังหวะย่อตัวหน่อยถึงจะคุ้ม
* หุ้น WICE เป็นอีกหนึ่งรายที่อยากฝากกันไว้ให้พิจารณาลงทุน และขอให้ติดตามมองดูกันหน่อย เนื่องจากล่าสุด WICE หวนกลับมาจัดงานประชุมนักวิเคราะห์อีกครั้ง หลังจากเคยเงียบหายกันไปนาน จึงสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบัน WICE มีความมั่นใจในแผนธุรกิจปัจจุบันอย่างเต็มที่
* ฟากโบรกฯ เองที่กลับมาจากงานประชุมนักวิเคราะห์ ยังมองว่า เทรนด์ไตรมาส 4 จะทำออกมาได้ดีต่อเนื่อง หลังจากภาพรวมธุรกิจของบริษัทยังเติบโตได้แข็งแกร่ง แถมหลังจากปิดดีล UWT เมื่อช่วงปลายปี 2560 ยังส่งผลให้ตั้งแต่งวดไตรมาส 1 ปีนี้เป็นต้นไป จะได้เห็นงบเติบใหญ่ขึ้นไปอีกเสต็ปจากการบุ๊คผลตอบแทนของ UWT เข้ามาเต็มมือ
* หุ้นรับเหมาก่อสร้างหลังจากช่วงที่ผ่านมา หลายคนวิตกกังวลกับประเด็นปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นอย่างมาก แต่จากการสำรวจมุมมองกันมา พบได้ว่า แท้จริงแล้วอาจไม่ได้กระทบอย่างที่หลายคนกังวลไว้ เนื่องจากตัวผู้ประกอบการเองสามารถบวกเพิ่มต้นทุนค่าแรงเข้าไปราคาที่ยื่นเสนอประมูลโครงการต่างๆ ได้
* โดยยังคงให้น้ำหนักไปที่ CK-STEC เป็นหลัก ซึ่งทางฝั่ง CK เองมีความได้เปรียบคู่แข่งและมีลุ้นได้ชิงเป็นเจ้าของหลายโครงการ ส่วน STEC มีความเจ๋งในแง่ตุนแบ็กล็อกในมือไปแล้วถึง 1 แสนล้านบาท เท่ากับสูงที่สุดในกลุ่ม รวมถึงการที่ได้ร่วมถือหุ้น GULF จนเปรียบเหมือนพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ดังนั้น เมื่อ GULF ขยายโรงไฟฟ้า STEC เองก็มีลุ้นได้รับงานเพิ่มตามไปด้วยเช่นกันนั่นเอง
* ส่งท้ายด้วยหุ้นแหวกกระแสจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเลือกเน้นหลักไปที่ตัว LH ด้วยความที่ทุกสายตาในขณะนี้ล้วนหันไปมอง กลุ่มเด่น TOP 20 ที่วิ่งไปกับ SET เช่น ธนาคาร พลังงาน ไฟฟ้า สื่อสาร จนมองข้ามหุ้นอสังหาริมทรัพย์กันไป (ทั้งที่จริงหลายหุ้นเทรดกันตกวันละ 3-4 ร้อยล้านบาท) แล้วหลายคนยังลืมไปอีกว่า ทีเด็ดการลงทุนหุ้นอสังหาฯ ก็คือช่วงนี้นี่แหละ เพราะนอกจากซื้อหุ้นเพื่อลุ้นเรื่องงบปี 2560-2561 เติบโตกันได้แล้ว ยังได้แรงบวกสำคัญกับการจ่ายเงินปันผล และหุ้น LH ยังถือเป็นหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลดีในอันดับต้นๆ เสมอ
* เบื้องต้นงวดครึ่งหลังปี 2560 โบรกฯ คาดว่าจะการันตีจ่ายปันผลอย่างน้อยเกินระดับ 3% อัพ ส่วนงวดปี 2561 จะจ่ายทั้งปีมากเกือบ 7% ตอบรับงบที่เร่งสปีดโตขึ้นไปอีกขั้น เนื่องจากได้ผลบวกภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ฟื้นตัว ดังนั้น LH ในฐานะแชมป์กำไรหุ้นอสังหาฯ จึงมีปัจจัยบวกทั้งในระยะสั้น-ระยะยาว ขอคอนเฟิร์มเลยว่า ตัวนี้เขาดีจริง ใครชอบของดีถือลงทุนยาวได้สบายๆ จัด LH ได้เลยไม่ต้องรอช้า *