สังคมข่าวหุ้น
*ดัชนียังไม่สารถปิดตลาดผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 จุดได้ เพราะหุ้นบิ๊กแคปหลายๆ ตัวราคาขึ้นมาสูงแล้ว เมื่อเทียบกับ Consensus และมีอัพไซด์จำกัดทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนธนาคารก็อาจพอมีวิ่งได้บ้าง แต่จะเป็นตัวขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่วนหุ้น 4 แบงก์ใหญ่ BBL KBANK KTB ราคาขึ้นมาต่อเนื่องแล้ว และ SCB ยังคงถูกจับตาเรื่องกำไรที่อาจลดลงเพราะตั้งสำรองหนี้เพิ่ม
คาเฟอีน
* ดัชนียังไม่สารถปิดตลาดผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 จุดได้ เพราะหุ้นบิ๊กแคปหลายๆ ตัวราคาขึ้นมาสูงแล้ว เมื่อเทียบกับ Consensus และมีอัพไซด์จำกัดทั้งหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนธนาคารก็อาจพอมีวิ่งได้บ้าง แต่จะเป็นตัวขนาดกลางและขนาดเล็ก ส่วนหุ้น 4 แบงก์ใหญ่ BBL KBANK KTB ราคาขึ้นมาต่อเนื่องแล้ว และ SCB ยังคงถูกจับตาเรื่องกำไรที่อาจลดลงเพราะตั้งสำรองหนี้เพิ่ม
*หุ้นไฟฟ้า GULF หลังถูกจับติดแคชบาลานซ์ ความเคลื่อนไหวก็ดูเหมือนจะหายๆ ไปในช่วงวันจันทร์และวันอังคาร วอลุ่มเทรดเหลือลงมาแค่ 200-300 ล้านบาท แต่พอมาวันพุธ แรงซื้อกลับมาอีกครั้ง พุ่งมาเป็น1 พันล้านบาท เช่นเดียวกับวานนี้ กลับมาคึกคัก แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนต้องการหุ้นตัวนี้เยอะ ไม่ให้ใช้แคชฯ ก็ไปหาเงินสดที่อื่นๆ มาซื้อก็ได้ ส่วนพี/อี ที่ขึ้นมาสูง เดี๋ยวก็คงจะลงนะ เพราะไตรมาส 4/2560 โบรกฯเขาฟันธงมาแล้วว่า กำไรจะเติบโตมากกว่า 600% พอเห็นแบบนี้แล้วทำให้คิดไปว่า เรื่องของแคชบาลานซ์นี่เป็นการช่วยรายย่อย หรือสกัดรายย่อยกันแน่ แล้วให้รายใหญ่ กองทุนเข้ามาเก็บหุ้นโดยที่ไม่มีรายย่อยมาคอยรบกวน
*หุ้น EA พลังงานบริสุทธิ์ ราคาพุ่งแรงจริงๆ หลัง บล.ธนชาต ออกมาอัพราคาเป้าหมายขึ้นมาเป็น 110 บาท จากธุรกิจใหม่ของ EA ซึ่งเป็นการกักเก็บพลังงาน (ES) และยังจะมีการสร้างเพิ่มในรูปการขายเป็นแพคเกจครบวงจร (ESS) ซึ่งจะสร้างผลกำไรให้กับ EA ได้ดีมาก โดยจะเห็นกำไรเข้ามาชัดเจนในปี 2563-2564 และทำให้เส้นกราฟหุ้น EA ขึ้นมาตั้งชันเป็นหน้าผาเลย ส่วนใครที่กังวลว่าวิ่งขึ้นมาแรงๆ แบบนี้ พี/อี ก็สูง แล้วจะติดแคชบาลานซ์เหมือน GULF หรือเปล่า ซึ่งจากการคำนวณพบว่า เทิร์นโอเวอร์ของ EA ยังอยู่แถวๆ 5% เท่านั้น ห่างจาก 30% เยอะ แล้วก็มาร์เก็ตแคปทะยานขึ้นมาเป็น 2.2 แสนล้านบาทแล้ว แต่ก็มีการห่วงว่า “กองทุน” จะ “ออกของ” หรือเปล่า เรื่องนี้ “คาเฟอีน” ไม่ทราบจริงๆ
*AOT ราคาหุ้นค่อยๆ ทำ Landing หลังราคาปรับขึ้นมาเกินกว่าเป้าของ Consensus ที่อยู่แถวๆ 63 บาท และโบรกฯส่วนใหญ่ต่างแนะนำให้ “ถือ” หรือ “ขาย” หลังจากในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาราคาปรับขึ้น 70% และพี/อี ก็มาอยู่เกือบ 50 เท่า แม้หุ้นจะมีอนาคตดี สตอรี่เยอะ แต่ราคาหุ้นวิ่งเกินตัวไปแล้ว
*หลังมีข่าวว่าทางการจีนชะลอการซื้อพันธบัตรของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดเงิน และตลาดทุนปั่นป่วน ฝุ่นตลบไปทั่วโลก ดอลลาร์อ่อนค่าลงทันที ล่าสุดรัฐบาลบาลต้องออกมาชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวอาจเป็น “ข่าวลวง” เพราะมีการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง และระบุว่า จีนได้นำเงินจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศออกมากระจายการลงทุน เพื่อเป็นการป้องสินทรัพย์และเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์ในระบบทุนสำรอง ส่วนการที่จีนนำเงินในทุนสำรองไปลงทุนในพันธบัตรสหรัฐนั้น ถือเป็นการดำเนินธุรกรรมทางตลาด และมีการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ โดยพิจารณาตามสภาวะตลาดและความต้องการด้านการลงทุน
* “อภิชัย เรามานะชัย” นักวิเคราะห์จากค่าย บล.แอพเพิล เวลธ์ ฝากมาบอก ช่วงนี้แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงของการพักฐาน หลังพยายามขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,800 จุด ทำให้ตอนนี้ดัชนีฯ เข้าสู่โหมด sideway หากใครอยากลงทุนสามารถดำเนินการได้ ในกรอบแนวรับ 1,780-1,785 จุด และแนวต้าน 1,800–1,805 จุด ส่วนกลยุทธ์เน้นขึ้นขาย ลงซื้อ
*แบงก์ทีเอ็มบี TMB ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะราคาหุ้นปิดเหนือระดับ 3.00 บาท มาแล้ว 12 วันทำการ ทำให้ราคา 3.00 บาท เป็นแนวรับที่แกร่งยิ่งกว่ากำแพงเมืองจีนไปแล้ว แต่แนวต้านสำคัญตอนนี้คือ 3.06 บาท และ 3.10 บาท ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2560 โบรกฯ ส่วนใหญ่ยังดีดลูกคิดว่าจะมีกำไรสุทธิมากกว่า 2.00 พันล้านบาท บางแห่งให้ถึง 2,500 ล้านบาท เพราะไม่น่ามีปัญหาเรื่องตั้งสำรองหนี้ฯ และเงินสำรองที่มีอยู่ก็เพียงพอกับ IFRS9 แน่นนอนเป็นหุ้นอีกตัวที่นักวิเคราะห์แนวเทคนิคยกให้ว่ามีสัญญาณสวย
*บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ได้ตรวจสอบรายชื่อผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตช่วง 7 วันอันตราย จากเทศกาลปีใหม่ 2561 จากฐานข้อมูลของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทั้งหมด 388 ราย ในจำนวนนี้พบว่าเป็นผู้เอาประกันของบริษัทฯ จำนวน 20 ราย รวมความคุ้มครอง 8,772,424 บาท และบริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกราย และจะได้ดำเนินการจ่ายสินไหมอย่างรวดเร็ว และครบถ้วนตามความคุ้มครองแก่ผู้รับผลประโยชน์