กิมมิคแก้จน
รัฐบาลประกาศนโยบายแก้จน ให้บรรลุผลสิ้นกันยายน 2561 เพิ่มงบกลางปี 1.5 แสนล้าน โดย 1 แสนล้านเน้นแก้เศรษฐกิจฐานราก ทั้งช่วยคนจนเฟส 2 และแก้ปัญหาสินค้าเกษตร อีก 5 หมื่นล้านเอาไปอุดเงินคงคลัง
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
รัฐบาลประกาศนโยบายแก้จน ให้บรรลุผลสิ้นกันยายน 2561 เพิ่มงบกลางปี 1.5 แสนล้าน โดย 1 แสนล้านเน้นแก้เศรษฐกิจฐานราก ทั้งช่วยคนจนเฟส 2 และแก้ปัญหาสินค้าเกษตร อีก 5 หมื่นล้านเอาไปอุดเงินคงคลัง
ในทางการเมืองไม่ต้องสงสัย นี่คือปีเลือกตั้ง ทั้งช่วยกลบวิกฤติศรัทธา ขายฝันว่าเศรษฐกิจจะดี คนไทยจะหายจน จะได้ยอมรับการสืบทอดอำนาจโดยไม่ต้องแยแสกฎกติกามารยาท
แน่ละ ถ้ารัฐบาลทำสำเร็จก็ได้คะแนนล้นหลาม คำถามคือสำเร็จจริง หรือเป็นแค่ PR โรยหน้า
ในเบื้องต้น ขอบอกว่าสำเร็จแหงๆ เชื่อได้ว่าตัวเลขผู้ถือบัตรคนจน 11.4 ล้านคนจะลดฮวบ
อ้าว ไม่เชื่อก็ย้อนไปดูตอนลงทะเบียนคนจนสิ มีข้อทักท้วงเยอะไปแต่กระทรวงการคลังไม่สน เก็บตัวเลขให้เยอะไว้ก่อน ใครมีรายได้ไม่เกิน 1 แสน เงินฝากไม่เกิน 1 แสน บ้านไม่เกิน 25 ตารางวา ที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ ฯลฯ แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงานอะไร ผู้มีรายได้นอกระบบภาษี รวมถึงนักศึกษามหาวิทยาลัย แห่ลงทะเบียนเต็มไปหมด เพื่อเอาบัตรขึ้นรถเมล์รถไฟฟ้าฟรี
พอมาเฟส 2 ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้ถือบัตรต้องมาพบเจ้าหน้าที่ ต้องเข้าโครงการเพิ่มทักษะฝึกอาชีพ ต้องเซ็นยินยอมให้ตรวจสอบบัญชี ก่อนได้รับวงเงินเพิ่ม เชื่อเหอะ จะมีคนหายจนเยอะเลย
คนที่เข้าร่วมโครงการ ก็จะมีการจัดทีม “หมอประชารัฐสุขใจ” ในระดับอำเภอ 900 ทีม เข้าไปวิเคราะห์ กำหนดแผนที่ชีวิต ติดตามผู้ถือบัตรคนจน เน้น 5.3 ล้านคนในวัยทำงานที่รายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี ให้เข้าโครงการอบรมเพื่อพัฒนาตนเอง แล้วจึงจะเพิ่มวงเงินซื้อสินค้าร้านธงฟ้า จากคนที่รับ 200 บาทเพิ่มเป็น 300 บาท คนที่รับ 300 บาทเพิ่มเป็น 500 บาท
ทั้งนี้ งบประมาณ 35,700 ล้านบาท แยกเป็นใช้เติมเงิน 13,900 ล้านบาท ใช้พัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิต 18,800 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการ 3 พันกว่าล้านบาท
ถามว่าทีมหมอประชารัฐสุขใจคือใคร วิเศษมาจากไหน จึงออกโปสเตอร์โฆษณาว่าจะวินิจฉัยและรักษาความจนได้ใน 9 เดือน ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก็คงไม่พ้นข้าราชการอำเภอ ฝ่ายปกครอง เกษตรชุมชน พัฒนาชุมชน ธอส. ออมสิน ฯลฯ ที่มีอยู่แล้วนั่นแหละ แต่อาจจะบอกว่ามาทำงานแบบบูรณาการ เพิ่มเบี้ยเลี้ยงเบี้ยประชุมค่าล่วงเวลาค่าเดินทางค่าที่พัก ทั้งระดับอำเภอ จังหวัด กระทรวง 3 พันกว่าล้านบาท แล้วก็คงจะใช้งบประมาณจ้างวิทยากร จัดอบรม ซื้ออุปกรณ์ เพื่อฝึกอาชีพ เกือบ 1.9 หมื่นล้านดังกล่าว
ฟังแล้วคุ้นๆ ไหมรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็เคยมีโครงการ “ต้นกล้าอาชีพ” ให้เบี้ยเลี้ยงเดือนละ 4,800 บาทค่ารถ 1,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลทันตา
โครงการนี้ก็คงได้ผล ในแง่กระตุ้นกำลังซื้อ ผู้ถือบัตรคนจนได้วงเงินเพิ่ม ข้าราชการได้เบี้ยเลี้ยง แถมมีงบอบรมกระจายไปทั่วประเทศ แต่ถามว่าแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนหรือเปล่า ทุกคนก็รู้แก่ใจ
ก็ไม่ต่างอะไรกับโครงการ 9101 ที่ให้งบชุมชนละ 1.25 ล้านบาท ครึ่งหนึ่งเอาไปซื้อขี้หมูขี้ไก่ ครึ่งหนึ่งจ้างชาวบ้านทำปุ๋ย ได้ปุ๋ยอินทรีย์กลิ่นตลบล้นชุมชน ได้ผลกระตุ้นกำลังซื้อ บางแห่งโดนจับทุจริต แต่ในภาพรวมถือว่าคุ้ม เช่นเดียวกับตำบลละ 5 ล้าน หมู่บ้านละ 2 แสน ที่ สตง.ไล่ตรวจไม่หวาดไม่ไหว
ไม่ใช่นักการเมืองจากเลือกตั้งก็ไม่มีใครจ้องจับหรอกครับ แถมโฆษณาได้ข้างเดียวอีกต่างหาก