พาราสาวะถีอรชุน
วานนี้สองพี่น้องตระกูลชินวัตร ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มีภารกิจที่ต่างกรรมต่างวาระ แต่เป็นที่จับตามองกันทั้งสองคน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พี่ขึ้นพูดบนเวทีการประชุมผู้นำเอเชียประจำปี 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคมนี้ โดยเครือหนังสือพิมพ์โชซันอิลโบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อใหญ่ของเกาหลีใต้ ร่วมกับคณะกรรมการเตรียมการรวมชาติ
วานนี้สองพี่น้องตระกูลชินวัตร ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ มีภารกิจที่ต่างกรรมต่างวาระ แต่เป็นที่จับตามองกันทั้งสองคน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พี่ขึ้นพูดบนเวทีการประชุมผู้นำเอเชียประจำปี 2015 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคมนี้ โดยเครือหนังสือพิมพ์โชซันอิลโบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสื่อใหญ่ของเกาหลีใต้ ร่วมกับคณะกรรมการเตรียมการรวมชาติ
หัวข้อที่ทักษิณพูดคือ 70 ปีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 : การรักษาสันติภาพและความสงบรุ่งเรืองของเอเชีย เนื้อหาส่วนใหญ่พูดถึงแนวคิดการสร้างความร่วมมือในมิติต่างๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจสมัยที่ตัวเองยังเป็นผู้นำประเทศไทย แต่มีประเด็นที่ต้องขีดเส้นใต้คือ การพูดถึงหลักนิติรัฐ ที่เสี่ยแม้วเน้นย้ำว่าเป็นสินทรัพย์อันจับต้องมิได้ทางเศรษฐกิจ แต่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดโดยใช้เงินลงทุนน้อยที่สุด
สอดรับกับจังหวะที่น้องสาวต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อสอบคำให้การคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้อง ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สร้างความเสียหายแก่รัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 2542 กรณีละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยศาลฎีกาฯ ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้ยิ่งลักษณ์ฟัง ซึ่งอดีตนายกฯ หญิงได้แถลงต่อศาลให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ พร้อมยื่นหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
งานนี้ยิ่งลักษณ์ยืนยันจะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมและมั่นใจในความบริสุทธิ์ พร้อมขอความร่วมมืออย่าวิพากษ์วิจารณ์คดี เพราะขณะนี้คดีอยู่ในขั้นการพิจารณาชั้นศาลแล้ว คงเป็นการเตือนไปยังฝ่ายตรงข้ามที่ติดตามและโจมตีโครงการจำนำข้าวมาโดยตลอด เรื่องอย่างนี้คงขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน แต่หากเป็นปมที่เข้าข่ายก้าวล่วงอำนาจศาล อันนั้นก็ต้องให้ทนายความแต่ละฝ่ายไปว่ากันเอาเอง
การเดินทางไปขึ้นศาลเที่ยวนี้ของยิ่งลักษณ์มี อนุสรณ์ อมรฉัตร สามีมาให้กำลังใจด้วย รวมทั้งอดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์หลายรายและประชาชนตามมาให้กำลังใจกันล้นหลาม คงพอทำให้ใจชื้นได้บ้าง อีกด้านก็เหมือนเป็นสัญญาณส่งไปยังผู้มีอำนาจให้เห็นถึงแนวร่วมที่ยังสนับสนุนระบอบทักษิณ ส่วนเรื่องของคดีความนั้นต้องไปลุ้นกันเอาเอง ใครก็คาดเดาหรือวิจารณ์ไม่ได้
พูดถึงแนวร่วมที่สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย วันวานในโอกาสครบรอบ 5 ปีของเหตุการณ์สลายการชุมนุมแยกราชประสงค์ของคนเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.และชาวคณะจะไปจัดพิธีทำบุญรำลึกถึงเหล่าวีรชนที่เสียชีวิตที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน ไม่สามารถบอกกล่าวกันล่วงหน้า เพราะเกรงว่าจะถูกสั่งให้ยกเลิกการจัดงาน
จึงต้องแจ้งสื่อมวลชนกันแค่สองชั่วโมงก่อนเดินทางไป ขนาดการทำบุญยังต้องแอบเป็นการสะท้อนความคับแคบต่อมุมมองของคนที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ไม่ใช่แค่งานนี้งานเดียว เพราะก่อนหน้าในโอกาสครบรอบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็มีเรื่อง “สองมาตรฐาน” มาให้เห็นแล้ว เวทีที่จัดโดย รสนา โตสิตระกูล บริเวณถนนราชดำเนินไร้ปัญหา
เนื่องจากงานนั้นมีตัวแทนนายกรัฐมนตรี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เดินทางมาร่วมวางพวงหรีด ขณะเดียวกันก็มี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญมาปาฐกถาด้วย แต่อีกเวทีที่สำนักงานมูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย ถนนแจ้งวัฒนะ เจ้าหน้าที่ทหารกลุ่มหนึ่งอ้างเป็นทหารของคสช.เดินทางมามาแจ้งกับทางมูลนิธิว่า ผู้บังคับบัญชาขอให้ตัดกิจกรรมงานรำลึกวีรชนพฤษภาประชาธิปไตย ช่วงสหปาฐกถาออก
ไม่รู้ว่ากลัวอะไรขนาดนั้น เพราะดูจากรายชื่อคนที่จะปาฐกถาแล้วมี เรืออากาศตรีฉลาด วรฉัตร นายแพทย์เหวง โตจิราการ นายแพทย์สันต์ หัตถีรัตน์ และ ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ น่าจะเป็นการดีเสียด้วยซ้ำที่คนเหล่านี้ที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตยจะได้เสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศและกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญในเวลานี้
ขณะที่อีกเวทีดอกเตอร์ปื๊ดคงหงุดหงิดหัวใจไม่น้อย เพราะมีสุภาพสตรีในนามกลุ่มเมล็ดพริกมาชูป้ายประท้วงมีข้อความที่ชวนจี๊ดในหัวใจเป็นอย่างมากกับประโยคว่า “เนติบริกรตัวพ่อรับจ้างทำลายประชาธิปไตย” หากอยากจะพิสูจน์ความโปร่งใสก็ต้องไปแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้มีเนื้อหาซึ่งเป็นสากลและไม่มีการหมกเม็ดในหลายเรื่องอย่างที่เป็นอยู่
พูดถึงงานเดียวกัน จตุพรซึ่งเดินทางไปร่วมงานเป็นประจำทุกปี มีความพยายามจะนำตัวไปถ่ายรูปคู่กับบวรศักดิ์และบรรดาพวกที่ได้ดิบได้ดีจากการลากตั้ง เพื่อต้องการสร้างภาพให้เห็นว่ามีการปรองดองของทุกฝ่าย แต่ทางตุ๊ดตู่รู้ทันจึงไม่เล่นด้วย จึงหันไปทักทายกับญาติวีรชนอย่างใกล้ชิดสนิทสนม ผิดกับผู้จัดงานที่ว่ากันว่าญาติของผู้วายชนม์ไม่รู้จักและไม่รู้ว่าเคยต่อสู้ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยหรือ
ในงานรำลึกพฤษภาทมิฬยังมีอีกจุดที่น่าสนใจคือ สวนประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ บริเวณประติมากรรมพฤษภา 35 ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมได้ช่วยกันเช็ดข้อความที่ประติมากรรมในข้อความว่า “นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง” รวมทั้ง “เอาเผด็จการคืนไปเอาประชาธิปไตยคืนมา” ในฐานะอธิการบดีเลยอยากทราบว่า สมคิด เลิศไพฑูรย์ รู้บ้างหรือเปล่าว่ามีสิ่งนี้อยู่ในสถานศึกษาของตนเอง แต่ถึงรู้ก็คงเปล่าประโยชน์ เพราะหัวใจได้มอบให้กับอำนาจจากการรัฐประหารไปตั้งนานแล้ว
มติที่ประชุมครม.และคสช.เป็นเอกฉันท์ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเปิดทางทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย วิษณุ เครืองาม กางปฏิทินคร่าวๆ ประชาชนน่าจะลงประชามติกันได้ในเดือนมกราคมปีหน้า และคาดว่าน่าจะเลือกตั้งได้ในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนปีเดียวกัน ถือว่าไม่ได้ล่าช้ากว่าโรดแม็พที่วางกันไว้มากนัก
ส่วนพรรคการเมืองคงไม่มีปัญหาอะไร ขอให้กติกาที่เป็นธรรมย่อมรับกันได้ แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้น ก็หวังว่าสปช.คงจะไม่คว่ำร่างรัฐธรรมนูญกันเสียก่อน เพราะฟังเสียง วันชัย สอนศิริ บอกเพราะเสียดายงบประมาณ 3 พันล้านบาทที่จะทำประชามติ หากยังเป็นวันชัยที่มีอาชีพทนายความเหมือนสมัยก่อนคนคงคล้อยตาม แต่ด้วยท่าทีที่พลิกไปเปลี่ยนมาของท่านวันนี้ความน่าเชื่อถือจึงเหลือน้อยเต็มทน