พาราสาวะถี

ประชาธิปัตย์ในฐานะนักสร้างวาทกรรมและผู้ประดิดประดอยถ้อยคำ ต้องหลบไป เพราะเวลานี้นักการเมืองหน้าใหม่มาแรงนามว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นผู้ที่ผุดวลีทองหรือประโยคเด็ดมาสร้างความฮือฮาให้กับวงการการเมืองเป็นระยะ ล่าสุดก็เป็นเรื่องของ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” เป็นคำพูดใหม่แต่ถอดรากแนวคิดแล้วก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่เวทีนกหวีดโพนทะนากันเป็นประจำ ขณะทำการชัตดาวน์ประเทศ


พาราสาวะถี : อรชุน

ประชาธิปัตย์ในฐานะนักสร้างวาทกรรมและผู้ประดิดประดอยถ้อยคำ ต้องหลบไป เพราะเวลานี้นักการเมืองหน้าใหม่มาแรงนามว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าเป็นผู้ที่ผุดวลีทองหรือประโยคเด็ดมาสร้างความฮือฮาให้กับวงการการเมืองเป็นระยะ ล่าสุดก็เป็นเรื่องของ “ประชาธิปไตยไทยนิยม” เป็นคำพูดใหม่แต่ถอดรากแนวคิดแล้วก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่เวทีนกหวีดโพนทะนากันเป็นประจำ ขณะทำการชัตดาวน์ประเทศ

สิ่งที่ท่านผู้นำอธิบายคือ ต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ โดยต้องพัฒนาในทุกอย่าง พร้อมกับปูพื้นฐานประชาธิปไตยของเราในอนาคตให้ได้ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความมั่นคง สามารถบริหารจัดการประเทศชาติให้ดีได้ ประเทศเราจะขัดแย้งกันต่อไปไม่ได้อีก โดยที่ต้องไม่ผิดกติกาของคนอื่น ซึ่งทุกอย่างที่พูดมาดูเหมือนดี แต่ประทานโทษ เรื่องความขัดแย้งคงเป็นสิ่งที่คนจำนวนไม่น้อยรับไม่ได้กับเหตุผลของท่านผู้นำ เพราะการยึดอำนาจที่เกิดขึ้น ก็อาศัยความขัดแย้งที่สร้างกันเป็นวิกฤติเทียมไม่ใช่หรือ

หากสังเคราะห์ไปยังรากเหง้าแห่งปัญหาความขัดแย้งตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ถ้าไม่อคติหรือมืดบอดทางความคิดย่อมมองเห็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริง และถ้ามองบนความเป็นจริงก็จะทำให้แก้ไขปัญหาได้ถูกทาง แต่หากคิดแบบบิดเบี้ยวบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มบางพวก นั่นก็ไม่ใช่แนวทางที่จะแก้วิกฤติ แต่เป็นแค่เพียงการกดทับปัญหาไว้ชั่วคราวด้วยอำนาจพิเศษและวิเศษ เพื่อรอวันระเบิดขึ้นมาอีกกระทอก

พลันที่ประชาธิปไตยไทยนิยมปรากฏเป็นประเด็น นักการเมือง 2 พรรคใหญ่ก็ออกมากระหน่ำซ้ำเติมแนวคิดของท่านผู้นำทันที สาธิต ปิตุเตชะ จากค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมฟันธง ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์จะประดิษฐ์ถ้อยคำสวยหรูอย่างไร ตอนนี้คนส่วนใหญ่มองออก เห็นเจตนาชัดว่าจะสืบทอดอำนาจกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ

ถ้าต้องการกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบต้องทำให้ชัดเจนโปร่งใส ควรพูดความจริง ใช้เส้นทางตามรัฐธรรมนูญให้เกิดการต่อสู้แข่งขันอย่างเป็นธรรม ไม่เอาเปรียบคนอื่นหรือคู่ต่อสู้ โดยใช้ตำแหน่งและอำนาจที่มีอยู่ชิงความได้เปรียบ เพราะประชาชนไม่ได้โง่ที่จะดูไม่ออก ควรทำตรงไปตรงมาประกาศแบบลูกผู้ชายไปเลย เป็นชายชาติทหารอยู่แล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น สาธิตยังมองไปถึงประเด็นที่คสช.ขอให้สื่อมวลชนและนักการเมืองช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเลือกตั้งด้วยว่า คสช.ควรเลิกพฤติกรรมจับนักการเมือง ประชาชน และสื่อมวลชนมาเป็นแพะรับบาป วันนี้สังคมและประชาชนเห็นภาพชัดเจนแล้วว่าไม่มีใครที่ไหนก่อให้เกิดความวุ่นวาย และถ้าพบความวุ่นวายจริง คสช.ที่มีอำนาจอยู่ในมือแต่ไม่จัดการ ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

            อย่าใช้ลูกไม้ตื้นๆ จับคนเป็นแพะ เพื่อประคองสถานการณ์ยื้อโรดแมป หวังใช้งบประมาณสร้างคะแนนเสียงให้ตัวเองไปเรื่อยๆ ตอนนี้สังคมและประชาชนรู้เท่าทันหมดแล้ว ขอให้สำนึกในสิ่งที่ทำว่าทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนกันแน่ การเร่งแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนคือการทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่คสช.กำลังทำอยู่แบบนี้

นี่คือท่าทีของพรรคเก่าแก่ที่ระยะหลังออกมาซัดกับผู้มีอำนาจแบบเต็มๆ เป็นภาพสะท้อนนัยทางการเมืองบางอย่าง ด้าน สามารถ แก้วมีชัย จากเพื่อไทย ยกหลักการประชาธิปไตยต้องเป็นไปตามหลักสากล คืออำนาจเป็นของประชาชน เคารพการตัดสินใจของประชาชนและศรัทธาในประชาชนเท่านั้น จะไปบิดพลิ้วให้แตกต่างไปจากหลักสากลที่มีอยู่ได้อย่างไร

ที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ไม่ทราบว่าบิ๊กตู่คิดและหมายความถึงอะไร แต่ถ้าจะไปคิดแทนประชาชน ไปวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หรือเขียนกติกาที่ทำให้ประชาชนด้อยคุณค่า ทำให้อำนาจของประชาชนหายไป โดยกรอบของกติกาที่ผู้มีอำนาจวางเอาไว้ ไม่น่าจะใช่หลักประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันการเขียนกติกาขององคาพยพรัฐประหาร ก็เป็นประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการ ฉะนั้นคำว่าประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ให้ตีความคือประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการชี้นำอยู่ด้วย

ด้าน สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา มองว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องยึดแก่นประชาธิปไตยให้ได้คือเป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่เขียนไว้กำกับใครหรือเอื้อประโยชน์ให้ใคร ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ต้องไม่ใช่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคนใดคนหนึ่ง ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ตรงนั้นจะย้อนแย้งความเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ กลายเป็นอัตตาธิปไตยไปเสียฉิบ

การทิ้งท้ายของเสี่ยตือชวนให้คิด เพราะสิ่งที่สัมผัสกันได้ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีสิ่งที่เห็นคืออัตตา ความเป็นตัวตนของท่านผู้นำที่สูงยิ่ง ประเภทข้าเก่ง ข้าดีอยู่คนเดียวไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้ หากยืนอยู่บนพื้นฐานความคิดเช่นนี้ก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะปฏิเสธการสืบทอดอำนาจ เพียงแต่ว่ากระบวนการที่มาจากขบวนการล้มรัฐบาลประชาธิปไตยนั้น จะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อโดยสนิทใจ โดยไร้แรงกระเพื่อมหรือเสียงยี้ตามมาภายหลังนั้นเป็นเรื่องที่ยากเหลือเกิน

ด้วยเหตุที่มีการเหยียบทับปัญหาด้วยอำนาจพิเศษเหล่านี้นี่เอง สุริยะใส กตะศิลา จึงออกปากเตือนให้ระวังโรคแทรกซ้อนจนกระทบโรดแมปเลือกตั้งได้ สิ่งสำคัญเงื่อนตายที่เป็นมากกว่าเงื่อนไข คือความขัดแย้งแตกแยกที่หลบฉากมานาน 3 ปีกว่าอาจถึงเวลาที่จะปรากฏตัวทั้งใต้ดินบนดินมากขึ้น เข้มขึ้นเพราะสมการการเมืองนาทีนี้ยังไม่ออกจากกระดานความขัดแย้ง

ขณะเดียวกัน การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของ คสช.ล้มเหลว ไม่มีผลงาน ยุทธศาสตร์ผิดพลาด เน้นการใช้อำนาจบีบกด อาจจะได้ใจสังคมในช่วงสั้นๆ แต่ระยะยาวความขัดแย้งจะกลับมาอีก นี่คือความจริงที่บอกไปตั้งแต่ต้น สุดท้ายก็อย่างที่สุริยะใสว่า อำนาจที่ใช้ไม่นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุหรือการปฏิรูปที่โครงสร้างอย่างจริงจัง ซึ่งก็หนีไม่พ้นการสร้างวาทกรรมอำพรางเพื่อให้คนรู้สึกดีแต่แท้ที่จริงแล้ว ทุกอย่างยังว่างเปล่าและไร้ความหวังเหมือนเดิม

Back to top button