คสช.1+1+…ทายท้าวิชามาร

ชัดเจนแล้วว่าวันที่ 22 พ.ค.ปีหน้าเราจะได้ฉลองครบ 2 ปี “คืนความสุข” เพราะที่ประชุมร่วม คสช.กับคณะรัฐมนตรี ตกลงให้แก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งวิษณุ เครืองาม ชี้ว่าถ้ารัฐธรรมนูญผ่าน กว่าจะได้เลือกตั้งอย่างเร็วก็เดือนส.ค. 2559

แต่ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ถ้าร่างใหม่ลงประชามติใหม่ คสช.อาจอยู่ต่อไปถึงปี 2560-2561

ทำประชามติดีไหม ก็ “ดีกว่าไม่ทำ” ดีกว่าปล่อยให้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีคนค้านเต็มบ้านเต็มเมืองผ่านการบังคับใช้โดยยกมือใน สปช.แค่ 250 คนที่ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง

แต่การทำประชามติเป็น “ความชอบธรรม” ให้ คสช.และรัฐบาลยืดเวลาอยู่ในอำนาจหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าคนละเรื่องกัน แม้ผลโดยอัตโนมัติเป็นเช่นนั้น

อ้าว…ก็ถ้าพูดแบบกำปั้นทุบดิน ท่านเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ท่านตัดสินใจเองว่าจะทำประชามติ แม้ตัดสินใจตามเสียงเรียกร้องต้องการแต่ก็ไม่มีใครเอาปืนไปจี้ท่าน

หรือถ้าพูดตามลำดับเหตุผล คสช.เป็นคนตั้งแม่น้ำ 5 สาย ตั้ง สปช. ตั้งประธานกรรมาธิการ เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วสังคมรับไม่ได้ จนมีเสียงเรียกร้องให้ทำประชามติ จะโทษว่าพวกเรียกร้องประชามติทำให้ท่านต้องอยู่ต่อ อย่างนั้นหรือ

บอกแล้วไง ทำประชามติ “ดีกว่าไม่ทำ”  แต่ที่ดีกว่านั้นคือการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องมีความชอบธรรมตั้งแต่ต้น ต้องมาจากการมีส่วนร่วมของประชาชน ของคนทุกฝ่าย ไม่ใช่ยกร่างกันไม่กี่คน ที่ตั้งโดย คสช. โดยแม่น้ำ 5 สาย แล้วไปจัดเวทีเรียกคนมาฟัง กรรมาธิการพูดข้างเดียว สรุปว่าชาวบ้านเห็นด้วย

กลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก แล้วจะมาทำประชามติลบความไม่ชอบธรรม โอเค มันก็ดีกว่าดึงดัน แต่จะบอกว่า “ชอบธรรม” คงไม่ได้

เรื่องใหญ่ที่จะตามมายังได้แก่ “ทำประชามติอย่างไร” จะเปิดเวทีให้มีการดีเบต โต้เถียง คัดค้าน กับกรรมาธิการไหม จะเปิดให้มีการรณรงค์เคลื่อนไหวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไหม หรือจะให้ “คัดค้านได้แต่ต้องอยู่ภายใต้มาตรา 44” แบบนั้นจะทำประชามติให้เสียเงินทำไม

การที่ คสช.ครม.ตัดสินใจทำประชามติจึงเป็นเรื่องดี (กว่าไม่ทำ) แต่ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแซ่ซ้องสรรเสริญ เพราะเป็นผลพวงจากการยึดอำนาจตั้งแต่ต้น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรโจมตีว่าเป็นกุศโลบาย “อยู่ยาว” เพียงต้องแยกแยะ