พาราสาวะถี
เป็นอีกหนึ่งตำบลกระสุนตกตีคู่ไปกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากปมนาฬิกาหรูและแหวนเพชร ก็เป็นองค์กรที่จะต้องตรวจสอบบิ๊กป้อมอย่าง ป.ป.ช.นั่นเอง ด้วยเหตุผลหนึ่งมาจากอดีตในความเป็นเจ้านายลูกน้องของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน อีกหนึ่งมาจากการต่ออายุให้ ป.ป.ช.ชุดนี้อยู่ยาว จนถูกมองว่าเป็นเรื่องของการต่างตอบแทน
อรชุน
เป็นอีกหนึ่งตำบลกระสุนตกตีคู่ไปกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากปมนาฬิกาหรูและแหวนเพชร ก็เป็นองค์กรที่จะต้องตรวจสอบบิ๊กป้อมอย่าง ป.ป.ช.นั่นเอง ด้วยเหตุผลหนึ่งมาจากอดีตในความเป็นเจ้านายลูกน้องของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบัน อีกหนึ่งมาจากการต่ออายุให้ ป.ป.ช.ชุดนี้อยู่ยาว จนถูกมองว่าเป็นเรื่องของการต่างตอบแทน
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด วันนี้ กระบวนการขุดคุ้ยในเรื่องนาฬิกาหรูของพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ยังคงดำเนินไปอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เคียงคู่กันไปกับการยื่นเพื่อให้ตรวจสอบกระบวนการต่ออายุ ป.ป.ช. ของ สนช. ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก คสช. ว่าโปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ นักร้องเรียนคนสำคัญนาทีนี้ต้องยกให้ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
ล่าสุด ไปยื่นหนังสือร้องต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ศูนย์บริการประชาชนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 148(2) เพื่อขอให้จัดส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 185 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 232 และมาตรา 233 หรือไม่
เหตุนี้ต้องไปยื่นต่อท่านผู้นำ เป็นเพราะศรีสุวรรณเห็นว่า กรธ. และ สนช. ยังไม่มีมาตรการที่จะเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยก่อน ส่วนเหตุผลที่ต้องยื่นนั้นเนื่องจากการที่ สนช.ผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมาย ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยแก้ไขบทเฉพาะกาลในมาตรา 185 โดยไม่รีเซตกรรมการ ป.ป.ช. ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 232
ไม่เพียงเท่านั้น ยังกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการ ป.ป.ช. ออกไปเป็น 9 ปีตามพระราชบัญญัติป.ป.ช. 2542 ซึ่งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 233 ที่กำหนดอายุกรรมการ ป.ป.ช. ไว้เพียง 7 ปีเท่านั้น ดังนั้น มติการผ่านร่างกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 185 จึงน่าจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 232 และมาตรา 233
ขณะที่ วัชระ เพชรทอง จากประชาธิปัตย์ก็ขยับอีกทาง โดยจะส่งหนังสือให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ สนช.ในกรณีเห็นชอบร่างกฎหมาย ป.ป.ช.ที่ต่ออายุกรรมการ ป.ป.ช.ว่า เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะมองกรณีดังกล่าว เป็นการกระทำตามใบสั่งของผู้มีอำนาจบางคน อีกทั้งเห็นว่าหากพรรคเพื่อไทยมีความผิดในกรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย การที่ สนช.เสนอต่ออายุ ป.ป.ช. ก็มีความผิดด้วยหรือไม่ เพราะเป็นการอนุมัติในลักษณะเดียวกัน ถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีการนัดหมาย ไม่ได้มีการจับมือกันหรือเป็นขบวนการลักษณะแยกกันตี หากแต่เป็นมุมมองที่แต่ละคนเห็นว่าเรื่องลักษณะเช่นนี้เป็นการอุ้มสม ผลประโยชน์ทับซ้อนของผู้มีอำนาจกับองคาพยพที่ควบคุมกลไกต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ประเด็นแหวนแม่นาฬิกาเพื่อนจึงไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้มันเป็นไปและใช้อำนาจกดทับให้จบกัน
อย่างที่ ประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว.ที่น่าจะถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ออกมาสะกิดแรงๆ เรื่องแหวนมารดานาฬิกายืมเพื่อน แถมเพื่อนก็ตายไปแล้ว เป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายพะอืดพะอมไปด้วยกันหมดนายกฯก็ไม่สบายใจ ป.ป.ช.ก็กระอักกระอ่วนใจ สื่อมวลชนก็คาใจ คอการเมืองทั้งหลายก็ขัดอกขัดใจ พลเอกประวิตร ก็หมองใจ
ดังนั้น จึงเสนอให้พลเอกประวิตรลาออกดีกว่า เป็นวิธีที่จะทำให้ทุกฝ่ายโล่งอกไปด้วยกันทั้งหมด อย่าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กเพราะที่เห็นและเป็นอยู่ขณะนี้ มันมีผลสะเทือนทางความเชื่อถือสูงมาก หากรองนายกฯด้านความมั่นคงจะรักษานายกฯและประคองน้องรักให้ทำหน้าที่ต่อไป ไม่ลากกันไปตายหมู่ ทำให้ ป.ป.ช.ยังมีสง่าราศีและคงความน่าเชื่อถือไว้ได้ แถมไม่ต้องกลายเป็นเหยื่อขุดคุ้ยของฝ่ายการเมืองในฤดูเลือกตั้ง มันมีทางเลือกแค่ทางเดียวเท่านั้น
แต่หากให้อ่านใจ ประสาเราพี่น้องกันไม่ทิ้งกัน คงไม่มีใครลาออก จะต้องกระเตงกันไปอย่างนี้ เพราะการเสียรังวัดมันย่อมดีกว่าการเสียหน้าและเสียหาย ถึงอย่างไรแม้น้องรักจะกลับมาเป็นนายกฯอีกกระทอก ด้วยกลไกที่วางกันไว้ พี่ใหญ่ก็ไม่ได้มีส่วนร่วม เนื่องจากประกาศไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่ง นั่นเป็นเรื่องของอนาคต กับปัจจุบันการท่องคาถาหน้าทนและหลบฉาก ไม่ต่อความยาวสาวความยืด จึงน่าจะเป็นทางออกที่ผู้มีอำนาจและคณะเลือกใช้
ต้องไม่ลืมว่าลูกเล่นและลีลาทางการเมืองของท่านผู้นำเวลานี้ไม่ธรรมดา เก็บรายละเอียดทุกเม็ดทุกดอกและรู้จังหวะจะโคนเป็นอย่างดี เห็นได้จากกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หากทำตัวเป็นเสือไล่ตะปบเหยื่อโดยไม่สนใจว่าเหยื่อนั้นจะเป็นอะไร ก็มีสิทธิ์ที่เสือจะบาดเจ็บ แต่เมื่อเลือกที่จะปล่อยให้เหยื่อนั้นเล็ดลอดไปได้ เพื่อรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมกว่า ก็ไม่มีใครบาดเจ็บ ล้มตาย โดยเฉพาะตัวเสือเอง
การอ่านเกมทางการเมืองของท่านผู้นำนั้น จะเห็นได้ว่ามีการโยนหินทดสอบเสียงสะท้อนอยู่เป็นระยะ เหมือนที่พูดในงานวันเด็กเรื่องประชาธิปไตยไทยนิยม ทั้งๆ ที่สาระไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับงาน แต่ก็อยากให้เป็นประเด็น และแน่นอนก็เกิดปรากฏการณ์สหบาทา กระหน่ำไปยังแนวคิดของผู้นำรัฐประหารในทันทีทันใด
ใครจะเชื่อบ้างว่าคนระดับนี้ไม่รู้เชียวหรือจะเกิดอะไรขึ้น รากที่มาของตัวเองเป็นอย่างไรไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่รู้แต่รับรู้กันไปทั้งโลก แล้วผู้นำเผด็จการจะมาพูดเรื่องประชาธิปไตยได้อย่างไร มิหนำซ้ำ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำนาจก็ปรากฏภาพชัดว่า พูดอยู่ฝ่ายเดียว คนอื่นโต้แย้งไม่ได้ ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ ถูกควบคุมตัว
อย่างที่ ชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรียุติธรรมยุคยิ่งลักษณ์ว่าไว้ ถ้าบิ๊กตู่จะเป็นนายกฯต่อไปอีกสักพักก็ดี จะได้รู้นรกมีจริง การเอาอาวุธมายึดอำนาจแล้วบอกเป็นประชาธิปไตยไม่มีใครเขารับได้อยู่แล้ว ดังนั้น ประชาธิปไตยแบบที่ท่านว่าจึงเป็นประชาธิปไตยตามใจท่านมากกว่า เช่นเดียวกับ วรชัย เหมะ ที่บอกว่าประชาธิปไตยแบบนี้คือให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนครึ่งหนึ่ง แล้วอีกครึ่งอยู่ในมือพลเอกประยุทธ์ เห็นท่าทีเช่นนี้บางทีเรื่องโรดแมปเลื่อนหรือไม่เลื่อนก็น่าที่จะพอเดาผลกันได้