3 ก๊กการเมือง

ยุคพ.ศ.นี้แล้ว ยังมีผู้ใหญ่อายุเกิน 70 ขวบยืมนาฬิกาเพื่อนเป็น 20 กว่าเรือนมาวนใส่ข้อมือตนเองกันอยู่ ทำให้นึกถึงสมัยผมเป็นวัยรุ่นแตกพานยืมกางเกงยีนส์เพื่อนมาใส่วนเวียนกันไปตั้ง 4-5 คน


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงค์

ยุคพ.ศ.นี้แล้ว ยังมีผู้ใหญ่อายุเกิน 70 ขวบยืมนาฬิกาเพื่อนเป็น 20 กว่าเรือนมาวนใส่ข้อมือตนเองกันอยู่ ทำให้นึกถึงสมัยผมเป็นวัยรุ่นแตกพานยืมกางเกงยีนส์เพื่อนมาใส่วนเวียนกันไปตั้ง 4-5 คน

สมัยนั้นยีนส์ยี่ห้อแรงเลอร์-ลีไรเดอร์ก็หรูแล้ว มีลีไวส์เข้ามาให้ใส่วนกันก็ยิ่งเท่เข้าไปใหญ่ ใส่วนเวียนกันไปอย่างนั้น ไม่มีรายการซักระหว่างผลัดกันสวม ยิ่งถอดปุ๊บตั้งโด่ได้เอง ก็ยิ่งถือเป็นเรื่องโก้เก๋

มันส์จริงๆ ครับ ชีวิตวัยรุ่นที่ใส่ยีนส์เวียนยืมกันไป นึกไม่ออกเหมือนกันว่าคนแก่คราว 70 ก็มันส์ในอารมณ์กับการเวียนยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่เป็น 20 กว่าเรือนด้วย

แหวนแม่-นาฬิกาเพื่อนแล้วยังไง! จบข่าวแค่นี้เลยหรือเปล่า หรือยังจะมีลูกกังขาอะไรตามต่อกันอีก…หยวนๆ น่า จบๆ ซะที นี่คือประชาธิปไตยไทยนิยม

มองอนาคตการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งในปลายปีนี้ ก็คงจะพอมองเห็นพรรคการเมืองที่จะเข้ามามีบทบาทอยู่เพียงแค่ 3 พรรคเท่านั้น

พรรคเพื่อไทย พลาดแล้วพลาดอีกจากการบริหารพรรคการเมืองเสมือนเป็นบริษัทชินคอร์ปของตัวเอง ส.ส.ลูกพรรคต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามซีอีโอบริษัทเท่านั้น บริหารประเทศได้หมิ่นเหม่กับการกินรวบประเทศไทยเป็นอันมาก

คงจะได้เป็นเต็ง 1 พรรคฝ่ายค้านภายหลังการเลือกตั้งแน่นอน

พรรคประชาธิปัตย์ พ่ายแพ้การเลือกตั้งซ้ำซากแล้วรับไม่ได้ หันไปหาวิธีการเอาชนะที่หมิ่นเหม่กับการเชื้อเชิญทหารเข้ามายึดอำนาจ โดยการบอยคอตการเลือกตั้งถึง 2 ครั้ง 2 ครา และให้การสนับสนุนขบวนการปิดเมืองของ กปปส.

หลังทหารเถลิงอำนาจ ไม่ได้รับโอกาสจะได้ทำงานร่วมกับทหาร ยิ่งใกล้โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง แกนนำออกมาโจมตีวิพากษ์ทหารมากขึ้น โอกาสจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยเพื่อจัดตั้งรัฐบาล เป็นไปได้ยากยิ่ง

เปอร์เซ็นต์จะได้เป็นฝ่ายค้านร่วมกับเพื่อไทยสูงมาก

พรรคที่ 3 ยังไม่มีชื่อเรียกเป็นทางการ อาจจะชื่อ “ประชารัฐ” หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ คือ พรรคทหารต่อท่ออำนาจแน่นอน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์แสดงท่าทีชัดเจนยิ่งขึ้นทุกทีว่าเป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร

พรรคนี้ได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ทุกประตู หนึ่ง.ก็มีวุฒิสมาชิกแต่งตั้ง 250 คน เตรียมยกมือหนุนเลือกนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว

สอง.มีรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองคู่แข่งง่อยเปลี้ยเสียขา ทั้งระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมที่กระจายคะแนนผู้ชนะส.ส.เขตไปให้พรรคคู่แข่งเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อและพลังดูดพรรคการเมืองอื่น

และสาม.มีองค์กรอิสระที่มีอำนาจตัดสินชี้เป็นชี้ตายนักการเมือง ซึ่งเป็นพวกตัวเองจากการแต่งตั้งมากับมือทั้งนั้น ฉะนั้นหากไม่ใช่รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจคสช.มา ก็มีหวังเป็นลูกไก่ในกำมือที่รอดยาก!

พรรคประชารัฐ (คาดเดา) กลับมาเป็นรัฐบาลสานต่อแผนปฏิรูปบ้านเมือง 20 ปีแน่นอน

โค้งสุดท้ายก่อนไปสู่เลือกตั้ง รัฐบาลที่หวังการตีตั๋วต่อ ก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการลดแหลกแจกแถมแน่นอน

ประชานิยมต้นตำรับฉบับทักษิณน่ะ 3 ปีกว่าที่ผ่านมาพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์ชัดเต็ม 2 หู 2 ตาไปแล้วว่า “เด็กๆ” ชิดซ้ายให้ “ประชารัฐ” แซงผ่านไปเลย

ประชานิยมต้นตำรับ ไม่สู้จะมีการแจกนะ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหมู่บ้าน สมาชิกก็ต้องชดใช้เงินกู้ยืม พักชำระหนี้เกษตรกร หนี้ก็ยังอยู่ เพียงแต่เลื่อนเวลาให้เกษตรกรหายใจ มาจ่ายหนี้เมื่อพร้อมเท่านั้น

30 บาทรักษาทุกโรค ก็เพียงแต่ยกระดับการรักษาให้เป็นหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจากงบประมาณจำนวนเดิมนั่นแหละ และ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ก็เป็นเรื่องให้โอกาส เปิดเวทีให้กับภูมิปัญญาชาวบ้านเท่านั้นแหละ

ส่วนเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน 2.2 ล้านบาท มันดันกลายเป็นประชานิยมไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่ก็ดับสูญไปแล้วจากเหตุผลว่า ถนนลูกรังยังไม่หมดไปจากประเทศไทย

ความยากลำบากของพรรคประชารัฐ ก็คงอยู่ที่เรื่องประเภทว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เรื่องสองมาตรฐาน หรือเรื่องความผิดคนอื่นเป็นรูใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม แต่ความผิดตนเองกลับเล็กเท่ารูเข็มนั่นแหละ

ทั้งวันนี้และวันหน้า ไม่มีใครจากภายนอกจะทำลายพรรคประชารัฐได้หรอก นอกจากสนิมแต่เนื้อในตน

Back to top button