TSE คลายปมชัด
มี 2 ปรากฏการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน ที่สามารถอธิบายสาเหตุการร่วงของราคาหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ที่ร่วงแรงถึง 10 วันทำการรวดชนิด “เอาไม่อยู่” ระหว่างวันที่ 12-25 มกราคม ที่ผ่านมา จนเข้าเขตขายมากเกิน...ไหนต่อไหน
แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
มี 2 ปรากฏการณ์เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน ที่สามารถอธิบายสาเหตุการร่วงของราคาหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ที่ร่วงแรงถึง 10 วันทำการรวดชนิด “เอาไม่อยู่” ระหว่างวันที่ 12-25 มกราคม ที่ผ่านมา จนเข้าเขตขายมากเกิน…ไหนต่อไหน
-การตัดขายทิ้งหุ้น TSE ที่บลจ.บัวหลวง ได้แจ้งต่อก.ล.ต. ว่าจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 3 บริษัท โดยที่หุ้นของ TSEที่ ถูกขายออกคิดเป็นสัดส่วน จำนวน 0.7% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้มีจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 4.47% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยไม่ได้ชี้แจงถึงสาเหตุการขาย
-นางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท มีความประสงค์ที่จะเสนอซื้อหุ้นของ TSE ในจำนวนไม่เกิน 181.75 ล้านหุ้น หรือ 10.01% จาก บริษัทที่เกี่ยวข้องกันคือ บริษัท เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE โดยระบุเงื่อนไขในแรกสุดว่า “….การทำรายการดังกล่าวไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ พร้อมทั้งเป็นการซื้อขายภายในกลุ่มของผู้ถือหุ้นรายใหญ่….จึงไม่เข้าข่ายเป็นการครอบงำกิจการ…โดยนางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นแต่อย่างใด…”
แรงเทขาย พร้อมบทวิเคราะห์เชิงลบ ตามมาหลายระลอก ประหนึ่งว่าบริษัทมีฐานะการเงินที่ย่ำแย่เข้าข่ายเลวร้ายจึงตามมาผสมโรงไปด้วย..มีทั้งที่เจตนาร้าย ..มีทั้งที่ไร้เดียงสา ละ…มีทั้งที่เฮละโลตามกระแส “ลงให้ขาย ขึ้นในซื้อ”
ผลพวงหนีไม่พ้นรายย่อยระดับ…แมงเม่า…ที่จ่ายค่าโง่แพงตามเคย
เรื่องนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะปรากฏการณ์แบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ของ TSE…ที่ถูกถล่มด้วยข้อมูลเชิงลบที่สวนกับพื้นฐานของกิจการที่ตลอดปลายปีมานี้ มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่า 40% มาโดยตลอด (บางปี เช่นปี 2558 มีอัตรากำไรสุทธิมากถึง 68.78%) ไม่ว่ารายได้จะขึ้นหรือลง …กำไรเพิ่มหรือลด…เป็นอัตรากำไรสุทธิที่ดีสุด ในระดับหัวแถวของบรรดาบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยไม่เคยเปลี่ยน ….มาตลอด
ถ้าจะว่าไปแล้วความสัมพันธ์ระหว่าง TSE กับนักวิเคราะห์….มีโฉลกไม่ตรงกันในบางครั้งแบบ “ผิดที่ ผิดเวลา” เช่น ในปี 2559 นักวิเคราะห์เกือบทุกสำนักพากันฟันธงบอกว่า กำไรสุทธิจะเติบโตต่ำหรือทรงตัว เพราะโครงการยังไม่ผลิดอกออกผลต้องรอปี 2560 แต่… งบสิ้นงวดปีที่ออกมา ทำเอานักวิเคราะห์ถูกหักปากกาเซียน..หงายเงิบถ้วนหน้า
กำไรสิ้นงวดปี 2559 ของ TSE เติบโตถึง 18.4% แถมมีอัตรากำไรสุทธิมากถึง 60.96% เป็นอัตรากำไรสุทธิอันดับสองของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเกือบ 700 บริษัท เป็นรองก็แค่ BROOK เท่านั้น….ที่สำคัญเป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ ไม่มีกำไรพิเศษอะไรมาเปรอะเปื้อนให้รกรุงรัง
ผลสัมฤทธิ์ที่เกินคาดคราวนั้นทำให้ตำนานของ TSE ภายใต้การนำของ “คนสวยแสนเก่ง” นางสาวแคทลีน (แฟนหล่อ) มีภาพลักษณ์เป็น “หุ้นเหนือนักวิเคราะห์”
ความท้าทายที่ผ่านมา ในปี 2559 ถูกทดสอบอีกครั้งในปี 2560 เมื่อผู้บริหาร TSE ระบุอย่างมั่นใจแต่ต้นปีว่า ในปี 2560 ผลประกอบการจะเติบโตขึ้นจากปี 2559 จากการที่สามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ญี่ปุ่นได้อีกราว 10 MW โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้อีก 5-6 MW ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี โดยจะนำร่องถึงโครงการที่ใหญ่กว่าอย่างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองโอนิโกเบ จังหวัดมิยางิ ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 154.98 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ 2,080 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมทั้งหมดประมาณ 19,658 ล้านบาท …ที่ถือเป็นโครงการยักษ์ระดับ “ก็อตซิลล่า” เลยทีเดียว
การเดินหน้าลงทุนใหญ่นี้ นอกจากสอดรับกับยุทธศาสตร์ขยายปริมาณการผลิตไฟฟ้าให้เติบโตเฉลี่ยที่ 100 MW เพื่อให้ TSE สามารถติดสามอันดับแรกของผู้ประกอบธุรกิจพลังงานทางเลือกของไทยและกลุ่มประเทศอาเซียน ..และทำให้อนาคตของ TSE ยกระดับเล่นเกมใหญ่กว่าเดิมสะดวกขึ้น
ปัญหาก็คือ พูดง่ายกว่าทำเสมอ…เมื่องบ 9 เดือนรก ที่ยังไม่มากรบันทึกรายได้ใหม่เพิ่ม ทำให้ รายได้และกำไรลดลง ส่งผลให้การซ้ำเติมจากบรรดา “ปากหอยปากปู” บางสำนัก ที่ไม่ยอมเข็ด ดาหน้ากันออกมาระบุว่า ปีนี้กำไรหลักจะทรงตัว เพราะ…ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ที่จะเริ่มขายไฟฟ้าเพิ่มในปีนี้ ยกเว้นการขายไฟฟ้าจากโซลาร์ญี่ปุ่นราว 4 MW เท่านั้น และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น จะลดทอนรายได้จากโครงการใหม่ไปมิดเลยทีเดียว
ผลลัพธ์จากตัวเลขทางการเงินในงบ 9 เดือนแรก ผสมโรงกับปรากฏการณ์ 2 เรื่องข้างต้น ทำให้แรงขายที่ทำให้หุ้นร่วงแรง…เข้าทางขาช้อนซื้อจังเบอร์
งานนี้ กรณีขายหุ้นทิ้งบางส่วนของบลจ.บัวลหลวง อาจไม่สาหัสนัก เมื่อเทียบกับการที่นางสาวแคทลีน ไม่ยอมทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์…แต่เมื่อวานนี้ การชี้แจงของนางสาวแคทลีน เอง ที่ระบุใหม่ “ยูเทิร์น 180 องศา” ว่า…ขอแจ้งยกเลิกแผนซื้อหุ้นบริษัทจาก WAVE จำนวน 10.01% ที่เคยคิดกระทำ เพราะเหตุว่า อาจเข้าข่ายต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ TSE ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนางสาวแคทลีน ไม่มีความประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าว
ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TSE จึงยังคงเป็นเช่นเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ปมที่คาใจนักลงทุนทั้งหลายก็เท่ากับถูก “เคลียร์เหตุลบ” ได้เกือบทั้งหมด
ราคาหุ้น TSE จึงทำท่าผงาดกลับมาครั้งใหม่ จากจุดต่ำสุดรอบหลายเดือน…เอวังด้วยประการฉะนี้
ขอแสดงความเสียใจกับคนที่จ่ายค่าโง่…อิ อิ อิ