SAWAD มลพิษนักวิเคราะห์

แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ตลอดเดือนธันวาคมที่ผ่านมา บทวิเคราะห์ส่งท้ายปีเก่าของบรรดา “กูรู” นักวิเคราะห์ทุกสำนักในตลาดหุ้นไทย มีแต่คำแนะนำให้ซื้อหุ้นธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (Srisawad Group Holding Plc.) หรือ SAWAD …ซึ่งชื่อเดิมคือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน)

เหตุผลในทางบวกที่พากันแนะนำให้ซื้อ ….โดยแนะราคาเป้าหมายปี 2561 ระหว่าง 72.00-75.00 บาท….มีหลายข้อ

• SAWAD เข้า SET50 เป็นปัจจัยบวกเพิ่ม ในรอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2561 ซึ่งจะทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันที่ต้องลงทุนตามดัชนี และทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอีก แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว
• SAWAD ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ในปี 2561 อีกประมาณ 300 สาขา และจะปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 20-30% ทำให้อัตราเติบโตต่อเนื่อง

คำชี้แนะดังกล่าว ทำให้ราคาหุ้นของ SAWAD วิ่งฉลุยขึ้นไปถึงกือบทะลุเป้าในต้นเดือนมกราคม ที่ระดับเหนือ 72.00 บาท ก่อนจะย่อตัวลงมา

การวิ่งก่อนเวลาของราคาหุ้น เพราะมีคนเชื่อกันว่าแผนธุรกิจภายใต้โครงสร้างใหม่ของกลุ่มที่จะเปลี่ยนแปลงในปีที่ผ่านมา ที่เป็นมากกว่าแผนธุรกิจ “แบบบ้านๆ” ถือว่า “ล้ำลึก” เพราะการปรับโครงสร้างใหม่มีความชัดเจนอย่างบูรณาการ ภายใต้ถ้อยคำสวยหรูว่า “สร้างกลุ่มบริษัทศรีสวัสดิ์ให้เป็นสถาบันการเงินทางเลือกใหม่ มั่นคง โปร่งใส ให้บริการที่สะดวกเป็นกันเอง ภายใต้กรอบกฎหมายและการกำกับของ ธนาคารแห่งประเทศไทย” ประกอบด้วย

• เปลี่ยนชื่อบริษัท เงินทุนกรุงเทพธนาธร จำกัด (มหาชน) หรือ BFIT เป็น บริษัท เงินทุนศรีสวัสดิ์ จำกัด (มหาชน)
• วางแผนว่า ภายใน 3-5 ปีจะขยายฐานลูกค้ารวมทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มเป็น 2-3 ล้านราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แสนราย
• วางแผนบุกหนักตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV รวมถึงอินโดนีเซีย เพื่อผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15% ภายในปี 2564 จากขณะนี้อยู่ที่ราว 1%

ภายใต้แผนนี้ มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าเยี่ยมยอด เพราะว่า เพื่อลดความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการจากการคิดดอกเบี้ยแพงเกินกำหนด….การแปลงสภาพตัวเองเป็นบริษัทโฮลดิ้ง และตั้งบริษัทย่อยใหม่ขึ้นมา (Srisawad Power 2014) และเข้าซื้อกิจการของ BFIT (Srisawad Finance) ซึ่งภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่ การบันทึกธุรกรรมระหว่างกันของ SAWAD และบริษัทลูกถูกจัดขึ้นด้วยความซับซ้อน โดยเงินกู้ใหม่จะถูกบันทึกผ่าน BFIT และแหล่งรายได้ของ SAWAD จะมาจากค่าธรรมเนียมระหว่างกันของบริษัทลูกคือ BFIT และ SAWAD …แม้จะมีความเสี่ยงด้านรายได้จะมาจากการต่ออายุข้อตกลงระหว่าง BFIT และ SAWAD ซึ่งกำหนดว่าต้องมีการต่ออายุทุกๆ สองปี

ถึงกลางเดือนมกราคม มุมมองของนักวิเคราะห์เริ่มเปลี่ยนไป จากมุมมองเชิงบวกของ “ขาเชียร์” กลายเป็นมุมมองเชิงลบของ “ขาทุบ” อย่างไม่น่าเชื่อ

นักวิเคราะห์สายที่เน้นทางเทคนิคระบุว่า หุ้น SAWAD ถึงเวลาที่น่าขายมากกว่าน่าซื้อ…เพราะเหตุผลว่า การที่ราคาปิดหลุดแนวรับลงมาหลังไม่สามารถทำนิวไฮใหม่ได้ และประกอบกับแนวโน้มแรงซื้อที่แผ่วลงทำให้เกิดรูปแบบ “อีกา 3 ตัว” ชี้ถึงแรงขายที่กดราคาไว้

ในอีกมุมหนึ่ง มุมมองเชิงลบต่อพื้นฐานของ SAWAD ก็เพิ่มเติมแบบดาหน้ากันออกมาเต็มรูปแบบด้วยคำอธิบายพื้นฐานเชิงลบ อาทิ

• การปรับโครงสร้างภายในเครือ SAWAD จะจำกัด Upside ซึ่งการที่บริษัทพยายามลดความเสี่ยงด้าน regulatory risk ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักทรงตัวต่อเนื่องในระยะยาว
• กำไรในอนาคตของ BFIT จะเป็นปัญหา เพราะสินเชื่อใหม่ที่โอนมาจาก SAWAD อาจต้องทำให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ลดลงอย่างมากจะจำกัด Upside ของการเติบโตในระยะต่อไป
• สัดส่วนพี/อี ต่ออัตราเติบโตกำไรสุทธิ (PEG) อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้มีขีดจำกัดของความสามารถทำกำไรที่จะกดดันราคาหุ้นในอนาคต
• กำไรของ SAWAD จะโตในระดับปกติที่ประมาณ 20-25% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นมี premium น้อยลง และ ทั้ง SAWAD และ BFIT ยังไม่ได้เตรียมตัวให้พร้อมรับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ซึ่งกำหนดให้บริษัทต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นสำหรับสินเชื่อปกติ และสินเชื่อที่ผิดนัดชำระไม่ถึงสามเดือนด้วย

คำอธิบายที่ยกแม่น้ำมาทุกสายพร้อมกันหรือไล่เลี่ยกัน สรุปเหมือนนัดแนะอย่างดีว่า….ปรับลดคำแนะนำจากถือเป็นขาย

ราคาหุ้นSAWAD ที่ร่วงต่อเนื่องถึงวานนี้หล่นมาอยู่ต่ำกว่า  60.00 บาท จึงเห็นผลพวงที่เกิดขึ้น…จากลมปากของนักวิเคราะห์ “ขาทุบ” อย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย…แต่ถามว่านักวิเคราะห์เป็นศาสดาพยากรณ์ที่ถูกต้องแค่ไหน

คำตอบไม่ชัดเจน เพราะกี่ครั้งมาแล้วที่คำชี้แนะเคยผิดพลาด….โดยเฉพาะในกรณีของ SAWAD

นับนิ้วมือไม่หวาดไหวกันเลยทีเดียว

อิ อิ อิ