ตื้อๆ ตันๆ
*หากสังเกตอาการแกว่งตัวของดัชนีในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า แรงซื้อกับแรงขายยังสู้กันสนุกมือ บางวันแรงซื้อเยอะ บางวันแรงขายเยอะ ดัชนีถึงกลิ้งไปมาที่บริเวณ 1,820 จุดนานเหลือเกิน แม้จะมีความพยายามวิ่งฝ่าแนวต้าน 1,840 จุดเพื่อขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำไม่สำเร็จตามใจที่หวังสักที ภาพของการลงทุนถึงออกลูกแทงกั๊กไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากสังเกตอาการแกว่งตัวของดัชนีในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า แรงซื้อกับแรงขายยังสู้กันสนุกมือ บางวันแรงซื้อเยอะ บางวันแรงขายเยอะ ดัชนีถึงกลิ้งไปมาที่บริเวณ 1,820 จุดนานเหลือเกิน แม้จะมีความพยายามวิ่งฝ่าแนวต้าน 1,840 จุดเพื่อขึ้นไปสร้างฐานแนวรับใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ทำไม่สำเร็จตามใจที่หวังสักที ภาพของการลงทุนถึงออกลูกแทงกั๊กไงล่ะค่ะ
*เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ทำให้ “โมนิก้า” เชื่อเหลือเกินว่า การที่ดัชนียืนปิด 1,838.96 จุด บวกไป 7.18 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.45 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นผลพวงมาจากข่าวสารที่ยังไม่นิ่ง รวมทั้งพฤติกรรมการลงทุนของนักเล่นกลุ่มต่างๆ ยังเป็นลักษณะ “เข้าเร็ว ออกเร็ว” ส่งผลให้ดัชนีวนเวียนไปมาอยู่ที่เดิมเป็นส่วนใหญ่ และการถีบตัวขึ้นในรอบถัดไปต้องอาศัยแรงซื้อที่เยอะพอสมควรนะจะบอกให้
*เรื่องนี้สังเกตได้จากมูลค่าซื้อขายช่วงครึ่งวันของช่วงเช้าวันวานที่ผ่านมาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด “โมนิก้า” เลยขอตีความเรื่องดังกล่าวให้ทุกคนเห็นว่า “แรงซื้อเริ่มแผ่ว แรงขายเริ่มเยอะ” ดัชนีมีโอกาสเกิดโรค “ข้อเสื่อมเข่าทรุด ค่อนข้างสูง” คนเล่นหุ้นต้องหันมาใช้วิธีตีหัวเข้าบ้าน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะหุ้นใหญ่เริ่มเล่นยากขึ้น ส่วนหุ้นเล็กเคาะกันมันสุดๆ พะยะค่ะ
*ผิดคาดสุดๆ ต้องยกให้ SPCG กระชากขึ้นมาปิดที่ 25.25 บาท บวกไป 3.05 บาท หรือขึ้นไป 13.74% ด้วยมูลค่า 1.14 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวมากเป็นพิเศษ เพราะหุ้นเคยทะยานขึ้นแรงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ต่อจากนั้นก็ทรุดตัวลงอย่างต่อเนื่อง มันเป็นภาพที่ติดตานักเล่นมาจนถึงทุกวันนี้ จึงขอเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับพวกอ่อนหัดเจ้าค่ะ
*เหมือนกับในรายของหุ้น TASCO มีการไล่ราคาอย่างเมามัน จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 23.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.44% ด้วยมูลค่า 959.63 ล้านบาท มันเป็นเรื่องที่รู้ได้ทันทีว่า หุ้นวิ่งตามราคาน้ำมัน ไม่มีความจำเป็นต้องคิดหลายตลบ เพราะในช่วงที่ราคาน้ำมันพีคสุดๆ หุ้นตัวนี้ก็พีคด้วยเช่นกัน แต่พอถึงคราวราคาน้ำมันร่วงผล็อย หุ้นก็ไหลลงต่อเนื่องด้วยเช่นกันนะเจ้านาย
*ตรงกันข้ามกับในรายของ VNT อย่างสิ้นเชิง เพราะรายนี้มียันต์คุ้มกันเป็นตัวเลขกำไรที่โตระเบิดระเบ้อ หุ้นถึงวิ่งขึ้นแบบไม่หยุดหย่อน วานนี้ถึงเห็นหุ้นขึ้นมาปิดที่ 29.50 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 11.32% ด้วยมูลค่า 402.57 ล้านบาทอย่างง่ายดาย แม้ในบางจังหวะจะหยุดพักเป็นระยะ แต่หลังจากนั้นก็ไปต่อแบบชิวๆ “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่กับการเล่นเที่ยวนี้ เพราะหุ้นเทรดบนค่า P/E 14 เท่าเองจ้า!
*ส่วนหุ้นที่ “โมนิก้า” รู้สึกสนใจเป็นพิเศษในคราวนี้ ขอมองไปที่หุ้น SUPER เพื่อเปิดทางในการเล่นเก็งกำไรสั้นๆ สำหรับนักโหนกระแส เพราะก่อนหน้านี้เคยขึ้นไปถึง 1.30 บาท แต่วันนี้ยืนปิดแค่ระดับ 1.16 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่า 113.25 ล้านบาท มันสะท้อนอะไรบางอย่างให้เดี๊ยนรับรู้มากพอสมควร และมีโอกาสที่หุ้นจะกระชากขึ้นแรงอีกรอบ หากรักษาฐานแนวรับ 1.16 บาทได้อย่างเหนียวแน่นอนค่ะ
*สำหรับรายที่ต้องลุ้นระทึกอย่าง SAWAD ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด เพราะแรงเทขายยังไม่สะเด็ดน้ำสักที ส่งผลให้หุ้นเคลื่อนตัวแบบ side way down ซึ่งเที่ยวนี้มีจุดเด้งกลับที่สำคัญอยู่บริเวณ 56.50 บาท ขณะที่หุ้นยืนปิดอยู่ที่ระดับ 58.75 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 3.29% ด้วยมูลค่า 832.21 ล้านบาท “โมนิก้า” ถึงมองเป็นช็อตน่ารักน่าลุ้นดีเหลือเกิน ไม่เชื่อลองช้อนดูซิ..แล้วจะรู้ถึงความเสียวซ่านมันเป็นอย่างไร?
*เหมือนกับคนที่ช่วยกันเคาะหุ้นร้อน FLOYD จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.20 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 3.23% ด้วยมูลค่า 232.59 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่นักเล่นมีต้นทุนที่ไล่เลี่ยกัน จึงไม่มีรายการแตกแถวเกิดขึ้นแบบหุ้นบางตัว หรือมองในมุมของค่า P/E ที่ระดับ 23 เท่า ก็ยังสามารถบิ้วท์อารมณ์ให้นักเล่นได้อยู่ดี เดี๊ยนถึงไม่อยากขัดขวางทางรวยของคนบางคน เพราะเชื่อว่าคนที่เล่นหุ้นประเภทนี้เอาตัวรอดได้อยู่แล้ว..อิอิอิ
*เช่นเดียวกับการพุ่งขึ้นแรงของหุ้น IRCP พร้อมกับมีข่าวครึ่งๆ กลางๆ ในทำนองว่า ไม่น่าจะแพ้คดี! จนทำให้ราคาหุ้นระหว่างวันทะยานขึ้นไปที่ 2.02 บาท หรือบวกไป 19% “โมนิก้า” มองเป็นกระบวนการเล่นที่ไม่ถูกต้องสักเท่าไหร่ แต่หากมองเป็นเรื่องของการบิ้วท์อารมณ์ให้คล้อยตาม อันนี้เดี๊ยนไม่มีสิทธิ์ว่ากันอยู่แล้ว สุดท้ายได้เห็นราคาหุ้นลดความร้อนแรงลงมาปิดที่ 1.77 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 4.73% ด้วยมูลค่า 100.23 ล้านบาท จึงอยากให้แฟนคลับลองพิจารณาดูว่า หากแพ้คดีขึ้นมาจริงๆ..ต้องหาเงินมาใช้หนี้ขนาดไหน?..คุ้มกับที่เสี่ยงจริงเหรอตัวเอง