ย่อเพื่อขึ้น?
*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีอย่างเป็นระบบแบบแผนจะเห็นว่าการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องซีเรียสจนถึงขั้นต้องเอามือก่ายหน้าผาก เพราะแรงซื้อยังหมุนไปหมุนมาในหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยังมีหมุนตัวเล่นกันไปเรื่อยๆ ส่งผลให้นักเล่นขาประจำ “เคาะขวา เคาะซ้าย” กันมันหยดติ๋งๆ การเคลื่อนตัวของดัชนีเลยมีอาการตื้อๆ ตันๆ ชั่วคราวไงล่ะค่ะ
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*หากมองการเคลื่อนตัวของดัชนีอย่างเป็นระบบแบบแผนจะเห็นว่าการเล่นหุ้นเที่ยวนี้ไม่มีอะไรต้องซีเรียสจนถึงขั้นต้องเอามือก่ายหน้าผาก เพราะแรงซื้อยังหมุนไปหมุนมาในหุ้นขนาดใหญ่ ส่วนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กก็ยังมีหมุนตัวเล่นกันไปเรื่อยๆ ส่งผลให้นักเล่นขาประจำ “เคาะขวา เคาะซ้าย” กันมันหยดติ๋งๆ การเคลื่อนตัวของดัชนีเลยมีอาการตื้อๆ ตันๆ ชั่วคราวไงล่ะค่ะ
*ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับเข้าใจกระบวนการเล่นหุ้นในช่วงแกว่งตัวรอข่าว มักเจอโรคแทรกซ้อนเป็นประจำ ซึ่งเป็นชนวนเหตุให้นักเล่นเลือกทิ้งหุ้นเพื่อลงไปรับราคาต่ำกว่าถี่ขึ้น และข้อมูลตรงนี้ก็เชื่อมโยงกับการอ่อนตัวของดัชนีลงมาปิดต่ำสุดของวันที่ 1,819.29 จุด ลบไป 19.67 จุด ด้วยมูลค่า 7.43 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า เข้าออกเร็วปลอดภัยที่สุด..ดดด!
*ส่วนประเด็นร้อนๆ ของคนปากพล่อยที่พยายามโยงตลาดหุ้นเข้าไปหาธุรกิจสีดำ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของความเข้าใจของแต่ละคน ไม่อยากไปบังคับให้เชื่อตามทุกอย่าง เพราะอยากให้นักเล่นพิจารณาเรื่องราวต่างๆ อย่างรอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่าง หลังสถานการณ์บางอย่างอาจไม่เป็นเหมือนกับที่เม้าท์กันอย่างสนุกปากนะจะบอกให้
*เหมือนกับในรายของ SPCG มีโปรไฟล์ค่อนข้างดีเป็นแบ็กอัพ รวมทั้งมีงานใหญ่รออยู่ข้างหน้า น่าจะทำให้หุ้นวิ่งแรลลี่เต็มตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นทุกครั้งที่หุ้นกระชากขึ้นแรง วันถัดไปเกิดอาการม่อยกระรอกทุกที “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ 24.40 บาท ลบไป 0.85 บาท หรือลงไป 3.40% ด้วยมูลค่า 620 ล้านบาท มันเป็นเรื่องธรรมชาติของหุ้นที่ดีดรับข่าววันเดียวเลิกพะยะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ ADVANC อุตส่าห์ไต่ระดับขึ้นอย่างช้าๆ จนขึ้นมาทดสอบแนวต้าน 200 บาทเป็นรอบที่ 4 รอบที่ 5 สุดท้ายก็แป้กอีกตามเคย วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 193 บาท ลบไป 5 บาท หรือลงไป 2.50% ด้วยมูลค่า 2.12 พันล้านบาท “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ต้องรอให้แรงเทขายสะเด็ดน้ำกว่านี้อีกนิดหนึ่ง ต่อจากนั้นค่อยลุยเข้าไปเก็บหุ้นรอบใหม่น่าจะดีกว่านะคะ
*ถ้ามองแพตเทิร์นของหุ้นดังกล่าวไม่ออก “โมนิก้า” ขอแนะนำให้หันมาดูดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างหุ้น HUMAN ทะยานขึ้นมาปิดที่ 12.50 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 12.60% ด้วยมูลค่า 309 ล้านบาท พร้อมทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น มันเป็นช็อตที่ทำให้รู้ว่า ถ้ามีของดีอยู่กับตัว ทุกคนก็กล้าตะลุยไปพร้อมกัน แถมจิ้งจกตามซอกตึกต่างๆ เม้าท์กันยกใหญ่ว่า ราคาสูงกว่านี้ก็มี..ลุยต่อไหมค่ะ
*ไหนๆ เม้าท์ถึงเรื่องลุยขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดู MTLS สักนิดหนึ่ง หลังสวนกระแสขึ้นมาปิดที่ 40.50 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่า 650 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่ทำให้เห็นว่า หากวันนี้หุ้นยังขยับขึ้นได้อีกสามสี่ช่อง โมเมนตัมของหุ้นจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ เดี๊ยนถึงอยากให้ขาลุยจับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดี เพราะอาจสร้างเซอร์ไพรส์ให้เห็นเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ UV หลังจากรูดลงมาถึงก้นเหว ต่อจากนั้นเริ่มเด้งเบาๆ ให้เห็น ก็เริ่มมีแรงซื้อไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นขึ้นมาปิดที่ 9.20 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 3.95% ด้วยมูลค่า 618 ล้านบาท เท่ากับเป็นการย้ำให้เซียนหุ้นรู้ว่า การดันหุ้นรอบใหม่กำลังเกิดขึ้น หากคิดจะโหนกระแสก็อย่ามั่วพิรี้พิไรเป็นอันขาด เดี๋ยวจะพลาดช็อตสำคัญนะจะบอกให้
*เหมือนกับกรณีของ JKN ถูกดันขึ้นมาเล่นอีกรอบ ทั้งที่เดี๊ยนยังไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร น่าจะเป็นการสะท้อนแวลูที่นักเล่นให้กับหุ้นตัวนี้ได้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องเสียเวลาถามไถ่ให้มากความ เพราะการที่หุ้นขึ้นมาปิดที่ 16.70บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 6.40% ด้วยมูลค่า 274 ล้านบาท โดยการเล่นเที่ยวนี้อยู่บนค่า P/E 42 เท่า เหมือนบอกให้รู้เป็นนัยว่า ในไม่ช้าจะโชว์ของดีให้เห็นพะยะค่ะ
*เม้าท์ถึงจุดนี้ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นร้อนของเดือนอย่าง KCM สักนิดหนึ่ง เพราะเล่นกันโหดเหลือเกิน วันก่อนทุบหุ้นลงมาติดฟลอร์ วานนี้ช่วงเช้ากดหุ้นลงไปยืนที่บริเวณ 2.48 บาท ต่อจากนั้นดันกลับขึ้นไปถึง 3.02 บาท ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ระดับ 2.98 บาท บวกไป 0.08 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่า 128 ล้านบาท จึงกลายเป็นประเด็นที่แมงเม่าซุบซิบกันว่า เจ้ามือคนไหนเป็นคนทำ!
*อีกหนึ่งหุ้นร้อนที่ถูกดันขึ้นมาเล่นใหม่อย่าง OCEAN น่าจะเป็นอีกหนึ่งกิมมิคที่นักเล่นต้องทำความเข้าใจ เพราะหุ้นเคยถูกสร้างด้วยสตอรี่แบ็กดอร์ฯมาแล้วเที่ยวหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงอยากให้มองการขึ้นมาปิดราคาสูงสุดของวันที่ 0.85 บาท บวกไป 0.19 บาท หรือขึ้นไป 28.80% ด้วยมูลค่า 62 ล้านบาท มันใช่เกมลากไปออกของเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า..ลองไปหาข้อมูลกันดูนะจ๊ะ