90 วันไม่คุ้มเสีย
เสียดายจัง มติ สนช. 196 เสียง ไม่ยักเห็นด้วยกับ สนช.นายหนึ่ง ที่เสนอให้เลื่อนเลือกตั้งไปอีก 5 ปี เพราะมติกล้าๆ กลัวๆ ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งแค่ 90 วัน มองยังไงก็ไม่คุ้ม “วิกฤติคำมั่นสัญญา”
ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง
เสียดายจัง มติ สนช. 196 เสียง ไม่ยักเห็นด้วยกับ สนช.นายหนึ่ง ที่เสนอให้เลื่อนเลือกตั้งไปอีก 5 ปี เพราะมติกล้าๆ กลัวๆ ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งแค่ 90 วัน มองยังไงก็ไม่คุ้ม “วิกฤติคำมั่นสัญญา”
ไหนๆ ก็เสียคำพูดซะขนาดนี้ น่าจะเลื่อนอย่างน้อย 180 วันหรือ 1 ปี เพราะที่กองหนุนบางคนเชื่อว่า การยืดเวลาเป็นผลดี จะทำให้ได้คะแนนนิยม จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการแก้จน ขับเคลื่อนไทยนิยม ฯลฯ เวลา 90 วันยังน้อยไป ประชาชนไม่ทันเห็นผลหรอก เหมือนที่อยู่มาเกือบ 4 ปี ก็ไม่ค่อยเห็นอะไร แหม่ การแก้ปัญหาต้องใช้เวลาไง ให้อยู่ต่อซัก 5 ปี คนจนหมดประเทศ
เวลา 90 วันที่รัฐบาล คสช. และ สนช.ได้ไป แม้ดูเหมือนมีด้านบวก ที่ในทางเศรษฐกิจ ได้ทุ่มมาตรการอัดฉีด ซื้อใจชาวบ้าน ในทางการเมือง พรรคใหม่ก็มีเวลาปูฐาน ดึงคนเข้าสังกัด แถมรัฐบาลยังตั้งทีมขับเคลื่อนไทยนิยมขึ้นทุกตำบล ประกอบด้วยข้าราชการ หน่วยความมั่นคง ปราชญ์ชาวบ้าน จิตอาสา ซึ่งหวังสร้างเครือข่ายการเมือง “รัฐนิยม” ล้างเครือข่ายเดิมทั้งกลไกหัวคะแนนและการเมืองเสื้อสี
กระนั้นในด้านลบ แม้มีพวกสร้างกระแสแถแทนว่า ไม่เห็นมีใครเดือดร้อนอะไร ภาคธุรกิจ ประชาชน ชอบด้วยซ้ำ สหรัฐ อียู ก็ไม่คัดค้าน มีแต่พรรคการเมือง และนักเคลื่อนไหวหน้าเดิมๆ
แต่ก็เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเชื่อถือ ซึ่งไม่ใช่แค่เสียคำพูด แต่ยังบิดคำพูดกันดื้อๆ ราวกับประชาชนกินแกลบ
ถามจริง มีใครเชื่อบ้าง ที่ สนช.อ้างว่าไม่มีใบสั่ง อ้างว่าปรารถนาดีต่อพรรคการเมือง เกรงจะเตรียมเลือกตั้งไม่ทัน
พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าไม่สามารถก้าวล่วง สนช.ได้ เป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นขั้นตอนของกฎหมาย แต่ใครกัน เพิ่งใช้ ม.44 แก้กฎหมายพรรคการเมือง ทั้งที่เพิ่งประกาศใช้ (แล้ว สนช.ก็เอาไปอ้างว่าพรรคการเมืองจะเตรียมตัวไม่ทัน)
ถ้าเลื่อนเลือกตั้งโดยพูดตรงไปตรงมาว่ามีเหตุจำเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ ชาวบ้านรับได้ครับ แต่ไม่ใช่ให้คำมั่นแล้วเลื่อน โดยอ้างเหตุผลหลอกๆ เหมือนคนฟังโง่ รู้ไม่ทัน ทั้งที่รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ว่าอยากเลื่อนเพื่อให้ต่อท่ออำนาจได้เบ็ดเสร็จกว่านี้
พูดง่ายๆ คนไทยก็รู้กันทั้งประเทศละ ว่าอยากเลื่อนเพราะอะไร อย่าทำพูดหรูพูดหล่อมาหลอกกันเลย อยู่ที่คนจะยังหนุนยังเชียร์ หรือยังทน หรือสุดทน เท่านั้นเอง
ยกตัวอย่างคอลัมนิสต์รายหนึ่ง หนุนรัฐบาลสุดลิ่ม ยอมรับว่าเป็นการยืดเวลาให้พรรคการเมืองที่หนุนทหารเตรียมตัวให้พร้อม แต่ก็อ้างว่าถือเป็นความเท่าเทียมสำหรับทุกพรรคการเมือง จะได้ไม่ได้เปรียบเสียเปรียบกัน อ่านแล้วก็ยังขำๆ ไม่ทราบมีใครยอมรับเหตุผลวิบัตินี้บ้าง
ความเชื่อมั่นเชื่อถือ แม้ยังไม่ส่งผลทันตา แต่ก็ต้องถามว่า ณ วันนี้ความนิยมต่อรัฐบาล คสช.อยู่ในจุดใด เป็นขาขึ้นหรือขาลง ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้อยู่ต่อหรือเบื่อหน่ายอยากให้มีเลือกตั้งเร็วๆ
อารมณ์ความรู้สึกของสังคมสำคัญยิ่ง เพราะถ้าผู้คนอยู่ในอารมณ์เบื่อหน่าย “ขาลง” อยากให้พ้นไปเสียเร็วๆ แถมไม่เชื่อถือ ไม่ไว้วางใจผู้มีอำนาจบางคน ขอเตือนว่าต่อให้ทำดีอย่างไร ก็อาจทำไม่ขึ้น มีแต่ขวางหูขวางตา ผิดพลาดขึ้นมามีแต่โดนถล่ม
ถ้ารัฐบาลอยู่ในช่วงที่ชาวบ้านเบื่อเต็มที การยืดอายุ 90 วันโดยหวังสร้างคะแนนนิยม ก็ระวังจะเกิดผลตรงข้าม โดยเฉพาะช่วงนี้ ที่ขยันเพิ่มแรงเสียดทานให้ตัวเองและผลักกองหนุนไปอยู่ตรงข้าม