พาราสาวะถี
ไม่มีใครสงสัยต่ออาการลื่นไหลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดออกมาระบุหน้าตาเฉยไม่เคยสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งวันใด แต่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นไปตามโรดแมป และทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการลอยหน้าลอยตาพูดโดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงวิจารณ์ใดๆ ตามมา การประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
อรชุน
ไม่มีใครสงสัยต่ออาการลื่นไหลของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ล่าสุดออกมาระบุหน้าตาเฉยไม่เคยสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งวันใด แต่สัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เป็นไปตามโรดแมป และทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการลอยหน้าลอยตาพูดโดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงวิจารณ์ใดๆ ตามมา การประกาศเป็นนักการเมืองเต็มตัวมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
ไม่แน่ใจว่าไปได้วิชาดีแบบนี้ที่ไหนมา คิดกันเสียว่าคนที่พูดเรื่องจะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ที่ประกาศไปเมื่อคราวเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่แล้วนั้น มันไม่มีตัวตน ขณะเดียวกันเพลงที่เคยเขียนไว้เราจะทำตามสัญญา ก็คิดเสียว่ามันเป็นแค่สัญลักษณ์ผ่อนคลายความเครียดหลังการรัฐประหาร เพราะเวลาที่ขออีกไม่นานนั้น วันนี้มันปาเข้าไปจะ 4 ปีแล้ว
มาถึงนาทีนี้คงมีแต่เสียงที่พากันบอกว่า เอาที่ท่านสบายใจ จะพูดอะไรจะทำอะไร ไม่ต้องไปสนใจใครไม่ต้องไปสนใจโลก หลุดเข้ามากุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดขนาดนี้แล้ว ต้องเอาให้มันสุดๆ ไปเลย ยิ่งมีมุกเด็ดไทยนิยมยั่งยืน เป็นของเล่นใหม่ที่จะใช้ไปมัดใจ ผูกสัมพันธ์ประชาชนระดับพื้นที่โดยใช้ครูเป็นตัวปูทาง คิดว่าจะล้างประชานิยมฉบับทักษิณได้อยู่หมัด ก็เชิญสำราญกันเต็มที่
ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นกลาง เพราะมันไม่มีอยู่จริง ไม่ต้องห่วงข้อครหาว่านี่เป็นการปูพรมหาเสียงแบบฟูลออฟชั่น เพราะใครก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เมื่อเลือกที่จะหน้าทน อย่างหนา แบบเดียวกับม็อบที่โบกมือดักกวักมือเรียกให้มารัฐประหาร หลังเป่านกหวีดแล้วสถาปนาตัวเองเป็นคนดี ก็ต้องว่ากันให้สุดติ่ง เพราะวันนี้ หลังจากที่นักการเมืองส่วนหนึ่งซึ่งคนก็รู้เช่นเห็นชาติว่าเป็นอย่างไร ไปเชิญชวนให้เผด็จการมาครองเมืองกลายเป็นคนดีเสียแล้วประเทศไทยก็จะไม่มีคนเลวอีกต่อไป
ส่วนวิธีการที่ วัชระ เพชรทอง จากค่ายประชาธิปัตย์ไปมอบป้าย “ทำไม? พลเอกประยุทธ์ไม่รักษาคำพูด” ก็ถือเป็นเพียงการระบายความอึดอัด ยิ่งฟังสิ่งที่วัชระบอกพลเอกประยุทธ์จะปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งสนช.คงไม่ได้ เพราะเป็นคนแต่งตั้งสนช.มากับมือ ถ้าไม่รักษาคำพูด โดยการตระบัดสัตย์แล้วใครจะเชื่อถือ ขอให้เป็นนายพลที่มีสัจจะ รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน
มันช่างเป็นความรู้สึกที่ช้าเสียเหลือเกิน ความจริงหากคนพรรคเก่าแก่ตระหนักรู้และยึดมั่นกระบวนการประชาธิปไตยอย่างที่เที่ยวอ้างมาโดยตลอดจริง คงไม่คิดสั้นไปเล่นเกมการเมืองข้างถนนและบอยคอตการเลือกตั้ง โดยหวังว่าหลังการรัฐประหารแล้วตัวเองจะได้อานิสงส์อย่างหนึ่งอย่างใด สถานการณ์ของประเทศก็คงไม่เดินทางมาถึงจุดนี้
ไม่รู้จะเรียกอะไรดี รู้สึกตัวเมื่อสาย นึกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่เอื้อประโยชน์ให้กับบางพรรค กลายเป็นว่ากำลังจะเป็นประชาธิปไตยที่สร้างประโยชน์ให้กับเผด็จการไปเต็มๆ ส่วนผลบุญที่จะเผื่อแผ่ไปถึงนักการเมืองนั้น คงต้องจับตากันว่า จะมีพวกไหนกลุ่มใดที่จะได้รับส่วนบุญ แน่นอนว่า น่าจะหนีไม่พ้นพวกนกหวีดบางกลุ่ม และนักการเมืองประเภทเสือหิวทั้งหลาย
อย่างไรก็ตาม เตือนความจำท่านผู้นำอีกกระทอกถึงสิ่งที่เพิ่งพ่นน้ำลายออกมาว่าไม่เคยสัญญาว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด หากไม่ความจำสั้นหรือตั้งใจจะลืม หากเป็นคำพูดหลังรัฐประหารว่าจะเลือกตั้งเดือนตุลาคม 2558 คงจะไปถือเป็นพันธะสัญญาไม่ได้ มันแค่ลมปากที่ทำให้ดูดีหลังการยึดอำนาจก็เท่านั้น แต่อีก 4 ครั้งหลังสุดนั้นจะปฏิเสธคงยากเพราะถือเป็นการสัญญานานาชาติที่ถูกบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
ครั้งแรกไปประกาศปฏิญญาโตเกียว ที่ญี่ปุ่นว่าจะเลือกตั้งปี 2559 ตามมาด้วยปฏิญญานิวยอร์ก คราวไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติว่าจะจัดเลือกตั้งปี 2560 ก่อนที่จะมาปิดท้ายด้วยแถลงการณ์ร่วมสหรัฐอเมริกาบอกว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 และตัวเองก็กลับมาประกาศชัดเจนเรื่องวันว.เวลาน.คือ พฤศจิกายน 2561
แต่มาถึงนาทีนี้กลับบอกว่าไม่เคยไปสัญญาที่ไหน นี่ไงที่นักการเมืองพากันบอกไปวันก่อน “ไม่มีสัจจะในหมู่คสช.” คงจะสะใจบรรดากองเชียร์เผด็จการทั้งหลาย เพราะหนนี้นอกจากจะได้ผู้นำที่คล่องปร๋อชนิดปลาไหลเรียกพี่แล้ว ยังมีที่ปรึกษาเป็นบรรดาเนติบริกรผู้เชี่ยวชาญในการพลิกแพลงข้อกฎหมายมาช่วยกันอีกพะเรอเกวียน
แต่ละรายก็พลิกพลิ้วไม่แพ้ท่านผู้นำเหมือนกัน วันวาน พรเพชร วิชิตชลชัย แจกแจงหน้าตาเฉยเรื่องสนช.ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งส.ส.ไป 90 วัน ได้ชี้แจงปัญหานี้กับพลเอกประยุทธ์ไปแล้ว ซึ่งท่านผู้นำไม่ได้พูดอะไร และยืนยันว่าไม่มีใบสั่ง มันช่างง่ายอะไรอย่างนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังยืนยันอีกด้วยว่า เหตุผลที่ต้องยืดเวลาออกไปนั้นเพราะห่วงพรรคการเมืองว่าจะดำเนินการเรื่องต่างๆ ไม่ทันกรอบเวลา
การอ้างว่ามีพรรคการเมืองพรรคใหญ่บางพรรคเสนอให้ยกเลิกระบบไพรมารีโหวต สนช.สามารถทำให้ได้ แต่เกรงว่าจะเสียเวลามากกว่าการยืดเวลาบังคับใช้กฎหมายไป 90 วัน คำถามที่สำคัญคือ ท่านไปถามพรรคการเมืองทุกพรรคแล้วหรือว่าเขาต้องการแบบไหน ไม่ใช่ยกตัวอย่างแค่พรรคการเมืองใหญ่พรรคเดียว แล้วก็อ้างเป็นความปรารถนาดีจัดการให้เสร็จสรรพ อย่างนี้เขาเรียกสภาเผด็จการ
ส่วนที่อ้างว่าสนช.ยอมมีปัญหากับคสช. และยอมถูกสังคมประณามเรื่องการเลื่อนเวลาออกไป 90 วันดีกว่าจะปล่อยให้พรรคการเมืองไปสร้างความวุ่นวายกันภายหลัง แหม!ช่างเป็นการสร้างภาพที่ฟังแล้วดูดีจริงๆ คงไม่มีองคาพยพของคณะรัฐประหารชุดใดเล่นละครกันได้เนียนทุกตัวแสดงแบบนี้อีกแล้ว แต่จะว่าตีบทแตกก็ไม่ใช่ เพราะคนเขารู้ทันกันหมด เพียงแต่ละครเรื่องนี้ผู้กำกับเขาสั่งเด็ดขาดให้ดูอย่างเดียว ห้ามมีเสียงวิจารณ์ใดๆ
คงต้องดูปฏิกิริยาจากนานาชาติ หลังจากผู้นำไทยแลนด์แสดงท่าทีอันเด่นชัดว่า เราจะไม่ทำตามสัญญาเพราะไม่ได้สัญญาอะไร จะมีของสิ่งใดฝากมาให้รัฐบาลเผด็จการเป็นเครื่องเตือนใจหรือไม่ ตัวเลขส่งออกที่บอกว่ากำลังฟื้นตัวและเศรษฐกิจที่คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะโงหัวขึ้นมานั้น หลังโรดแมปเลื่อนแน่ล้านเปอร์เซ็นต์ จับตากันให้ดีว่ามันไม่มีผลลบใดๆ อย่างที่ท่านผู้นำและลิ่วล้อเชื่อมั่นจริงหรือ