สังคมข่าวหุ้น
* เวลาเดินหน้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่เผลอแปปเดียวเข้าสู่ช่วงเดือน ก.พ.กันแล้ว ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายก็อย่าลืมสำรวจความเคลื่อนไหวของหุ้นที่มีอยู่ในมือกันด้วยว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไร ตัวที่เป็นอยู่ในเทรนด์ธุรกิจปี 2561 ที่ดีหรือไม่ หรือตัวไหนจังหวะดีน่าขายทำกำไรหรือขายบางส่วนก็ต้องลงมือทำกันบ้าง ไม่งั้นเหมือนเสียโอกาสไปเปล่าๆ ในทางตรงข้ามหากหุ้นตัวไหนเทรนด์ดูไม่สดใส
นิวส์เวฟ
* ตลาดหุ้นไทยล่าสุดปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,826.86 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.25 จุด พ่วงด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 6.3 หมื่นล้านบาท
* เวลาเดินหน้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่เผลอแปปเดียวเข้าสู่ช่วงเดือน ก.พ.กันแล้ว ดังนั้น นักลงทุนทั้งหลายก็อย่าลืมสำรวจความเคลื่อนไหวของหุ้นที่มีอยู่ในมือกันด้วยว่าแต่ละตัวเป็นอย่างไร ตัวที่เป็นอยู่ในเทรนด์ธุรกิจปี 2561 ที่ดีหรือไม่ หรือตัวไหนจังหวะดีน่าขายทำกำไรหรือขายบางส่วนก็ต้องลงมือทำกันบ้าง ไม่งั้นเหมือนเสียโอกาสไปเปล่าๆ ในทางตรงข้ามหากหุ้นตัวไหนเทรนด์ดูไม่สดใส แล้วยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่งบปี 2560 อาการไม่ดี บางทียอมขายตัดขาดทุน (เล็กน้อย) เพื่อกำเงินไปซื้อหุ้นใหม่ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีกว่าเช่นกัน เพราะอย่างที่เคยบอกผู้อ่านทุกท่านเสมอมา การลงทุนต้องยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ อยากชนะตลาดต้องมีวินัยการลงทุนที่ดี
* เริ่มกันด้วยหุ้นตัวแรกของวันนี้ขอพูดถึงเคส PTTEP กันหน่อย ล่าสุดประกาศทุ่มเงินลงทุนร่วม 2.4 หมื่นล้านบาท ซื้อหุ้นในแหล่งบงกชต่อจากเชลล์ จนส่งผลให้สัดส่วนถือหุ้นในบงกชเพิ่มเป็นระดับ 66% งานนี้เท่ากับสะท้อนปัจจัยบวกออกมาชัดเจน 2 มุม โดยมุมแรกถือเป็นการใช้เงินลงทุนที่คุ้มค่ามาก เพราะนานมากแล้วนะที่ไม่ได้เห็น PTTEP ลงทุนระดับหมื่นล้านบาท แล้วจะได้รีเทิร์นจากโครงการกลับคืนมาในทันที
* เพราะในอดีตส่วนใหญ่เป็นโครงการลงทุนแบบอยู่ในระหว่างการพัฒนาหรือเตรียมไว้ผลิตในระยะยาว แต่รอบนี้แตกต่างออกไปและหากเป็นไปตามที่บริษัทแจ้งมา คือ ปิดดีลกันภายในไตรมาส 2/2561 นั่นเท่ากับช่วยเพิ่มปริมาณการขายบริษัทขึ้นมาทันทีอีกกว่า 3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และยังถือเป็นแหล่งผลิตที่บริษัทมีความชำนาญอยู่แล้ว ทำให้ปิดความเสี่ยงในแง่เริ่มต้นพัฒนา และสามารถควบคุมต้นทุนบริหารได้สบาย
* มุมบวกที่สองถือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า โครงการบงกชในขณะนี้เท่ากับเป็นฐานที่มั่นหลักของ PTTEP ชนิดเต็มตัว ดังนั้น การเปิดประมูลสัมปทานรอบหน้าของบงกชหรือแหล่งเอราวัณ ทาง PTTEP ก็พร้อมต่อสู้และท้าชิงคู่แข่งทุกรายแน่นอน ที่สำคัญฐานเงินสดในมือมีมหาศาล ระดับเกิน 1 แสนล้านบาท แล้วยังมีความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีก * ซึ่งแม้การประมูลจะไม่เคยมีอะไรแน่นอน 100% แต่ถ้าวัดจากความพร้อมในทุกด้าน ยังไงๆ พี่เทพยังคงเป็นตัวเต็งเบอร์ 1 เสมอ จึงพร้อมที่จะครอบครองทั้งบงกชและเอราวัณ ซึ่งนี่แหละคืออัพไซด์สำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าหุ้นพี่เทพประจำงวดปี 2560 ได้
* อีกหนึ่งหุ้นไฮไลต์เด่นที่ต้องจับตาประจำวันนี้อีกราย คือ การรีซูมเทรดของหุ้น WP หรืออดีตคือหุ้น PICNI นั่นแหละ ซึ่งประเด็นหลักสำคัญแบ่งออกเป็น 2 ปัจจัย เอากันที่ปัจจัยแรกก่อนว่ากันด้วยในเชิงพื้นฐานกันแบบตรงๆ ซึ่งปัจจุบันยังคงเดินหน้าธุรกิจก๊าซ LPG ไม่เปลี่ยน แต่ในแง่ศักยภาพถือว่าพลิกโฉมจากเดิมเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากผ่านการปรับโครงสร้างธุรกิจและแก้ปัญหาภายในบ้านเรียบร้อยทำให้ WP ได้ประโยชน์สูงสุดหลังการควบรวม (ระหว่างปิคนิค-เวิลด์แก๊ส) เพราะทำให้มีฐานคลังก๊าซ LPG ในมือครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคทันที เมื่อบวกกับที่บริษัทเปลี่ยนกลยุทธ์มาตัดสินใจสร้างคลังก๊าซเป็นของตัวเองแทนการเช่า จึงช่วยลดต้นทุนลงอย่างมีนัยสำคัญ
* หลายคนอาจตั้งคำถามกันว่า แค่มีคลังก๊าซ LPG เป็นของตัวเองมันจะไปแตกต่างอะไรนักเมื่อเทียบกับการเช่า แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ถือว่าแตกต่างมหาศาล เพราะถ้าดูงบย้อนหลังจะเห็นได้ว่า ในอดีตบริษัทเคยแบกต้นทุนค่าเช่าคลังก๊าซสูงถึงเกือบปีละ 200 ล้านบาท แต่ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงแค่ 40-50 ล้านบาท เพราะมีคลังก๊าซเป็นของตัวเอง จึงเท่ากับว่าช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายต่อปีไปได้เยอะและผลักดันให้ฐานกำไรสูงขึ้น
* อย่าลืมนะว่า ธุรกิจพลังงานจุดอ่อนหลักเมื่อเทียบอุตสหกรรมอื่น คือ มาร์จิ้นที่ค่อนข้างบางและราคาขายก็เป็นไปตามกลไก ดังนั้น การบริหารจัดการต้นทุนจึงถือเป็นหัวใจสำคัญมาก ใครยิ่งทำได้ดีนั่นแหละยิ่งมีกำไรมหาศาล และนี่คือจุดที่ WP ทำได้สำเร็จและพร้อมโกยผลประโยชน์ตั้งแต่ขณะนี้เป็นต้นไป แล้วในอนาคตยังรองรับการใช้งานได้อีก เพราะหากภาครัฐประกาศให้เพิ่มสัดส่วนสำรองก๊าซมากขึ้น WP ก็มีคลังก๊าซ LPG พร้อมสำรองเก็บก๊าซทันที ไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นหาเช่าและแบกต้นทุนเพิ่ม
* เรื่องที่สอง คือ ราคาหุ้น ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ประเมินกันยากไม่เบาสำหรับกรณีหุ้นรีซูมเทรด เนื่องจากมีความแตกต่างกับหุ้นไอพีโอที่เข้าซื้อขายครั้งแรก เพราะหุ้นรีซูมเทรดคือหุ้นที่เคยหยุดพักการซื้อขายมาก่อน และเมื่อเคลียร์ปัญหาค้างเรียบร้อยจนทางตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติ นั่นแหละถึงกลับมาเทรดกันได้ ดังนั้น ฐานราคาปิดสุดท้ายจึงแทบใช้เป็นตัวอ้างอิงตัดสินใจไม่ได้
* ส่วนหุ้นจะไปได้ไกลมากน้อยแค่ไหนก็ต้องไปลุ้นวัดใจช่วงเปิดตลาด แล้วในขณะเดียวกันยังมีผู้ถือหุ้นบางส่วนที่พร้อมขายหุ้นรับเงินคืนมาหลังจากติดค้างหุ้นมายาวนาน ทำให้ราคาหุ้นในวันนี้หนีไม่พ้นความผันผวนแน่นอน ดังนั้น ผู้ที่คิดเข้าลงทุนต้องเข้าใจถึงความเสี่ยง พร้อมกับกำหนดจุด CUTLOSS ให้ชัดเจน แต่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วราคา WP จะออกมาเป็นแบบไหน อย่างน้อยก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนที่มีหุ้นติดค้างในมือ (ตั้งแต่สมัย PICNI) มายาวนานนับ 10 ปี จะได้ปลดล็อคตัวเองเสียที ส่วนจะถือต่อหรือจะขายออกมา ก็คงอยู่ที่ตัวท่านตัดสินใจเองแล้วว่ามีความต้องการแบบใด