ก.ล.ต. ปะทะ ตลท.
*ก่อนจะเข้าถึงประเด็นร้อนๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความยุ่งเหยิง มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะคนที่อยู่ระดับบนมีอีโก้มากเกินไป บวกกับมีความเหม็นขี้หน้าระหว่างองค์กรยังคงปะทุให้เห็นเป็นระยะ ส่งผลให้แผนพัฒนาตลาดทุนเดินหน้าไม่สุดซอยกันสักที เพราะแต่ละฝั่งพยายามจะขัดแข้งขัดขากันตลอดเวลา จนทำให้ขาเม้าท์หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากระพือข่าวอีกรอบ (เขาเล่ามาแบบนี้)
เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน
*ก่อนจะเข้าถึงประเด็นร้อนๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีความยุ่งเหยิง มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะคนที่อยู่ระดับบนมีอีโก้มากเกินไป บวกกับมีความเหม็นขี้หน้าระหว่างองค์กรยังคงปะทุให้เห็นเป็นระยะ ส่งผลให้แผนพัฒนาตลาดทุนเดินหน้าไม่สุดซอยกันสักที เพราะแต่ละฝั่งพยายามจะขัดแข้งขัดขากันตลอดเวลา จนทำให้ขาเม้าท์หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมากระพือข่าวอีกรอบ (เขาเล่ามาแบบนี้)
*เดี๊ยนในฐานะคนชอบเผือกเรื่องชาวบ้านจนเป็นอาจิณ จึงต้องเงี่ยหูฟังเรื่องดังกล่าวด้วยความตั้งใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะดูเหมือนหน่วยงานของตลาดหุ้นกำลังหลงประเด็น และกำลังทำลายตลาดหุ้นด้วยความอ่อนหัดในชั้นเชิงธุรกิจ จึงคิดเข้าข้างตัวเองว่า การเดินหน้าทำเรื่อง ICO เป็นสิ่งที่ควรกระทำ จนหลงลืมเป้าหมายสำคัญของตลาดหุ้นไทยคือเรื่องอะไร?
*นั่นหมายความว่าการที่สำนักงาน ก.ล.ต. ออกมายอมรับเรื่องดังกล่าว พร้อมกับคลอดกฎเกณฑ์ข้อบัง
คับต่างๆ เพื่อทำให้การระดมทุนในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งที่หลายประเทศไม่ยอมรับเรื่องการระดมทุนในรูปแบบดังกล่าวแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงอยากรู้เหลือเกินว่า เคยถามเรื่องนี้กับผู้บริหาร ตลท. บ้างไหม? หรือหน่วยงานเสือกระดาษ คิดเอง..เออเอง ไปหมดทุกอย่างเจ้าค่ะ
*ถ้าเป็นเช่นนั้นตามคำเล่าลือที่ออกมาเป็นระยะ “โมนิก้า” ขอแทงตรงประเด็นไปเลยว่า การระดมทุนในรูปแบบดังกล่าวจะทำให้เครื่องมือทางการเงินของตลาดหลักทรัพย์ฯพังพาบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นการออก การเพิ่มทุน การแจกวอร์แรนต์ การประเมินแวลูของหุ้น การประเมินตัวมูลค่ากิจการ ฯลฯ เพราะทุกคนจะแห่ไปเล่นเก็งกำไรสกุลเงินดังกล่าวอย่างไม่ลืมหูลืมตานะคะ
*เนื่องจากทุกคนมองว่า ก.ล.ต. เป็นคนประทับตรารับรองการเทรดสกุลเงินดังกล่าวด้วยตนเอง พร้อมกันนั้นก็มีคำถามตามมาว่า การเทรดดังกล่าวใช้อะไรเป็นหลักประกัน? รวมถึงประเด็นความเข้าใจเรื่องดังกล่าวมีขนาดไหนในประเทศไทย? “โมนิก้า” ถึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่สามารถสรุปได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน หรือแม้กระทั่งกูรูในตลาดหุ้นบางท่านมองเรื่องดังกล่าวเป็นแชร์ลูกโซ่ ก็ยังเป็นคำถามที่ต้องตอบสังคมให้ได้นะจ๊ะ
*สิ่งที่น่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ที่ ตลท. ไม่ได้รับรู้เรื่องดังกล่าวสักเท่าไหร่? และการออกหน้าแบบสุดลิ่มทิ่มประตูของ ก.ล.ต. ก็มาจากอาการอยากทำผลงานให้ชาวโลกได้รู้จัก จนเป็นที่มาของขบเหลี่ยมปีนเกลียวกันตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงมองเรื่องนี้คงจบไม่สวยเหมือนตอนที่ ก.ล.ต. ไถ่เงิน ตลท. เพื่อทำการจัดตั้งกองทุนอะไรก็ไม่รู้ก่อนหน้านี้ (เดี๊ยนขี้เกียจจำ เพราะมันไม่ได้ช่วยพัฒนาตลาดหุ้นจริง) นะซี
*เหล่านี้เป็นเรื่องลับๆ ล่อๆ ของฉากแรกที่อยากจะบอกให้ทุกคนได้รับรู้ เพราะยังมีฉากต่อไปที่ต้องออกมาแฉคนที่คิดเรื่องดังกล่าวอีกทอดหนึ่ง แต่สำหรับวันนี้ก็ควรพักเรื่องดังกล่าวไว้แค่นี้ก่อน ขืนเม้าท์อะไรออกไปเยอะแยะจะเกิดอาการ “ไก่ตื่น” แล้วมันจะเสียของ “โมนิก้า” อุตส่าห์เก็บงำเรื่องนี้เป็นเวลานาน และรวบรวมข้อมูลจากปากบุคคลสำคัญตั้งเยอะแยะนะคะ
*ย้อนกลับมาดูข้อมูลที่ “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์มากสุดเวลานี้คงเป็นความยุ่งเหยิงของสารพันข่าวสารที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน มันทำให้นักลงทุนรู้สึกหวาดกลัวกันไปทั่วสารทิศ จนเกิดอาการไล่ซื้อหุ้นไม่สุดซอย และเทขายหุ้นแบบแทงกั๊กตลอดเวลา มันสะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดหุ้นไทยได้ดีสุด ส่งผลให้การเคลื่อนตัวของดัชนีเป็นในลักษณะ w-shape ไงล่ะค่ะ
*เมื่อสถานการณ์ออกมาในรูปดังกล่าวก็ตีความได้ในทันทีว่า ดัชนีน่าจะทะยานขึ้นไปทดสอบ 1,840 จุดอีกรอบ โดยได้แรงหนุนจากบรรดากองทุนตัวแสบอีกเช่นเคย และหุ้นบลูชิพคงกลับมาโลดแล่นบนกระดาน most active กันอีกรอบ เพียงแต่เที่ยวนี้จะเป็นการสลับกันซื้อขายไปเรื่อยๆ ส่งผลให้การเข้าลงทุนแบบเข้าทำเร็วเป็นเกมที่นักเล่นต้องท่องให้ขึ้นใจนะจะบอกให้
*เนื่องจากดัชนีขึ้นอ่อนตัวลงมาปิด 1,827.35 จุด ลบไป 6.25 จุด ด้วยมูลค่า 5.73 หมื่นล้านบาท พร้อมกับปรากฏไส้แท่งเทียนทั้งด้านบนด้านล่าง “โมนิก้า” มองเป็นความพยายามแบบสุดลิ่มทิ่มประตูที่จะทำให้ดัชนีเดินหน้าต่อ แต่เมื่อเหลือบดูปัจจัยต่างๆ ที่ปรากฏให้เห็นทนโท่ในเวลานี้ มันมีแต่เรื่องที่ทำให้หนักใจไม่ใช่น้อย จึงต้องมองเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นช็อตต่อช็อตเจ้าค่ะ