LH ได้เวลาถอนกำไรกลับสิงคโปร์

การขายหุ้นของทุนใหญ่จากสิงคโปร์ที่ถือใน ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของไทย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH มากถึง จำนวน 976.8 ล้านหุ้น หรือ 8.2% ของทุนจดทะเบียน ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแน่นอน....แต่การกระทำที่ไม่ปกติ ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

การขายหุ้นของทุนใหญ่จากสิงคโปร์ที่ถือใน ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ของไทย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH มากถึง จำนวน 976.8 ล้านหุ้น หรือ 8.2% ของทุนจดทะเบียน ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดาแน่นอน….แต่การกระทำที่ไม่ปกติ ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป

เหตุผลเพราะคนขาย ได้แก่ GIC Pte. กองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) ของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่เป็นหัวหอกการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งฉกฉวยโอกาสเข้ามาลงหลักปักฐานในตลาดหุ้นไทยยาวนานในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ช้อนซื้อของถูกมากมาย และล่าสุดยามนี้ ขณะนี้ ลงทุนอยู่ในหุ้น 19 บริษัทขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพของไทย มีมูลค่าเงินลงทุนเหยียบแสนล้านบาท

ดังที่ทราบกันดี รัฐบาลสิงคโปร์ มีกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ 2 กองหลักทำภารกิจลงทุนในตลาดสารพัด นั่นคือ GIC และ Temasek Holding ซึ่งเดิมนั้นแบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจนว่า รายแรกบุกลงทุนต่างประเทศ รายหลังป้องกันหลังบ้านในประเทศโดยอาศัยข้อกฎหมายว่าด้วย “หุ้นทองคำ” (golden shares) โดยลงทุนเฉพาะในประเทศสิงคโปร์….แต่มาในปัจจุบันเส้นแบ่งนี้เลอะเลือนไปมากแล้ว เพราะรายหลังไปลงทุนในต่างประเทศมากมาย

ในไทยนั้น GIC เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ LH ครั้งแรกในเดือนกันยายน 2542 โดยเข้าซื้อทั้ง LH และบริษัทในกลุ่ม เช่น ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH ในยามที่กลุ่ม LH กำลังเข้าตาจนจากขาดสภาพคล่องทางการเงินหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง

ในกรณีของ LH ปรากฏว่า GIC ซื้อหุ้นไปครั้งแรกแบบเฉพาะเจาะจง ในจำนวน 94.285 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 14.00 บาท จากราคาพาร์หุ้นละ 10 บาท และซื้อเพิ่มอีกครั้งในการเพิ่มทุนใหม่เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน โดยใช้สิทธิ์ของผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นเดิมต่อ 2  หุ้นเพิ่มทุนใหม่ ในราคาหุ้นละ 14.00 บาท ยังผลให้หลังการเพิ่มทุน สัดส่วนของ GIC ที่ถือใน LH เพิ่มเป็น 21.17% เป็นอันดับสองรองลงมาจากกลุ่มอัศวโภคิน ที่ถืออยู่ 32.35%

ไม่เพียงแค่นั้น ยังแถมพกเข้ามาในนาม กองทุนไทยเวส พีทีอี ลิมิเต็ด (ซึ่งมีคัสโตเดียน เป็นผู้ดูแลแทนอีกส่วนหนึ่ง) โดยที่ไม่ปรากฏชื่อกองทุนในโครงสร้างผู้ถือหุ้น ….อีกต่างหาก

หลังจากปี 2542 นั้น เงินทุนใหม่ที่อัดฉีดเข้ามา มีส่วนทำให้ LH สามารถรักษาสภาพการเป็นผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง มีกำไรสุทธิติดอันดับหัวแถวของตลาดไทยมาจนถึงปัจจุบัน….ยากจะมีใครแซงหน้าได้ ยกเว้นยอดขาย และรายได้ (ที่ไม่มีความหมายอะไร)

กำไรของ LH และบริษัทในเครือที่สวยงามต่อเนื่อง ทำให้ GIC ไม่เคยถอยห่างจากการถือครองสัดส่วนอันดับสองของกลุ่มนี้มาโดยตลอด อาจจะมีเพิ่มบ้าง ลดบ้างตามระยะเวลา…เหตุผลเพราะรัก LH มากเหลือเกิน

โธ่ …จะไม่รักได้อย่างไร ก็กำไรสวยงาม ทั้งกำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น และปันผล…ทั้งที่เป็นเงินสด และในรูปของหุ้น หรือวอร์แรนต์แจกฟรี 

ไม่เพียงลงทุนในหุ้นเท่านั้น GIC ก็ยังเคยจับมือกับ LH ตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และกองทุนรวมอสังหาฯ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2 (ที่ตอนนี้กลายมาเป็น REIT ไปแล้ว)..ไม่รู้ว่ากำไรกี่มากน้อย เพราะจำไม่หวาดไม่ไหว

ที่สำคัญสุด กำไรจากส่วนต่างของราคา…เพราะต้นทุนในตอนที่ซื้อมาแรกสุดนั้น พาร์ 10.00 บาท ราคาหุ้น 14.00 บาท แต่ปัจจุบันล่าสุด พาร์ 1.00 บาท แต่ราคาตลาดเหนือ 10 บาท คิดหยาบๆ สุด…ยังมีกำไรประมาณ 8 เท่าตัว

กำไรสวยงามนี้ ในยามที่ราคาหุ้นสวยผุดผาดบาดใจ ...ไม่ขายตอนนี้ จะขายตอนไหน

รายงานการขายหุ้นของ GIC ในราคาต่ำกว่าตลาดจากการขายบิ๊กล็อต รวมแล้ว 976.8 ล้านหุ้น หรือ 8.2% จึงไม่แปลกตรงไหน …เพราะไม่ได้ขายแล้วตัดช่องน้อยแต่พอตัวหนีไปเลย ยังมีให้เหลือติดพอร์ตอีกมากมายทั้งโดยตรงเกือบ 10% และโดยอ้อม (ผ่านกองทุนและนอมินีอีกมากมายหลายช่อง)

การปรับพอร์ตลดการถือครองหุ้น LH ลงมาถือเงินสด….ไม่ใช่การทิ้งไปทั้งหมด ไม่เหมือนกับการขายหุ้นทิ้งใน QH โดย GIC เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา จำนวน 1,154.42 ล้านหุ้น หรือ 10.77% จนเกลี้ยงพอร์ต อย่างไม่เหลือเยื่อใย

เหตุผลก็อย่างที่รู้กัน …อนาคตของ LH ยังคงเป็น “แม่วัวที่ให้น้ำนมทองคำ” ไปอีกยาวนานจากธุรกิจที่เป็นขาขึ้น โดยในปี 2560 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเหนือ 10,000 ล้านบาทเป็นปีแรก แล้วยังมีแนวโน้มจ่ายปันผลดีที่สุดในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่อัตราระดับเฉลี่ย 7% ทุกปี แถมยังมีมาร์เก็ตแคประดับ 1 แสนล้านบาท….ใครทิ้งก็โง่บรม

การลงทุนที่เนิ่นนานกว่า 18 ปี หากไม่ขายออกไปบ้าง เงินก็จะจม เพราะใครก็รู้ว่าเงินปันผลนั้น มันให้ผลตอบแทนช้ามาก …อย่างไรเสียก็สู้ส่วนต่างราคาไม่ได้

ที่สำคัญ วีไอ ระดับทุนสิงคโปร์อย่าง GIC คงไม่ได้เถรตรงจนกระทั่งไม่รู้อะไรเป็นอะไร

อิ อิ อิ

Back to top button