W-Shapeโมนิก้าและทีมงาน
*“โมนิก้า” นั่งอธิบายข้อมูลการลงทุนมาเป็นสัปดาห์ และยังชี้ให้เห็นรูปแบบการเคลื่อนตัวในมุมต่างๆ อย่างละเอียด สุดท้ายก็จบลงตรงที่สัญญาณเทคนิคอีกเช่นเคย เพราะเป็นคำอธิบายที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ และยังเป็นภาพที่ทำให้ผู้เล่นเข้าใจมูฟเม้นท์ของหุ้นรายตัวอีกตัว วันนี้ถึงต้องหันมาสนใจเรื่องแท็คติกลงทุนในรูปแบบต่างๆ ไงล่ะค่ะ
*“โมนิก้า” นั่งอธิบายข้อมูลการลงทุนมาเป็นสัปดาห์ และยังชี้ให้เห็นรูปแบบการเคลื่อนตัวในมุมต่างๆ อย่างละเอียด สุดท้ายก็จบลงตรงที่สัญญาณเทคนิคอีกเช่นเคย เพราะเป็นคำอธิบายที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ และยังเป็นภาพที่ทำให้ผู้เล่นเข้าใจมูฟเม้นท์ของหุ้นรายตัวอีกตัว วันนี้ถึงต้องหันมาสนใจเรื่องแท็คติกลงทุนในรูปแบบต่างๆ ไงล่ะค่ะ
*ว่ากันว่า การทะยานขึ้นของดัชนีในเที่ยวนี้ยังฟอร์มตัวในรูปแบบ W-Shape แต่เป็นในลักษณะ side way down แถมจุดสูงสุดของการเด้งกลับแต่ละรอบต่ำลงเรื่อยๆ จึงต้องดูกันต่อไปอีก 1-2 วันว่า หุ้นจะดีดตัวขึ้นแรง หรือโรยตัวลงมาอีก เพราะตรงจุดนี้เป็นเหมือนข้อมูลที่บอกให้รู้ว่า ดัชนีจะไปในทิศทางไหน? ซึ่งเป็นข้อมูลที่นักลงทุนจะต้องทำความเข้าใจตั้งแต่เนิ่นๆ นะจะบอกให้
*สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องบีบบังคับแมงเม่าให้มาสนใจในประเด็นดังกล่าว ล้วนมาจากแพทเทิร์นของหุ้นหลายตัวยังส่อไปในทางอ่อนตัวมากกว่าทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เมื่อบวกกับดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ท่ามกลางบรรยากาศที่วังเวง เดี๊ยนถึงไม่มั่นใจว่า ดัชนีขึ้นมาปิดที่ 1,526.25จุด บวกไป 6.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4 หมื่นล้านบาท มันมีนัยสำคัญจริงๆ นะซี
*ในเมื่อข้อสรุปดังกล่าวยังไม่มีออกมาอย่างเป็นทางการ “โมนิก้า” ถึงไม่ชอบฟันธงแบบลอยๆ เพราะเหมือนเป็นการพูดไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นเหมือนตกอยู่ในสภาพพายเรือวนในอ่าง และสุดท้ายต้องจำใจตัดขายหุ้นขาดทุนเหมือนรอบก่อนหน้านี้ ซึ่งดัชนีอ่อนตัวลงจาก 1,580 จุด ลงมายืนอยู่ที่ 1,480 จุด เดี๊ยนถึงอยากให้แมงเม่าจับทิศทางของหุ้นให้ดีๆ ไงล่ะค่ะ
*โดยเฉพาะในรายของ KTB เสียทรง เสียศูนย์ จนกู่ไม่กลับ ล้วนเกิดจากหลายปัจจัยประดังประเดเข้ามาไม่หยุดหย่อน ภาพของหุ้นถึงดูย่ำแย่มากที่สุดในหุ้นกลุ่มแบงก์ คิดดูแล้วกัน!..สัญญาณเทคนิคฟ้องว่า over sold แต่ยังมีแรงเทขายออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดวานนี้โดนสาดออกมาโครมเดียว หุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 18.60บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 4% บวกกับมีข่าวตั้งสำรองเพิ่มไตรมาสละ 700 ล้านบาท คุณพี่วรภัค กำลังทำอะไรอยู่มิทราบ?
*ส่วนในรายของ GPSC ออกอาการตุปัดตุเป๋ตั้งแต่วันแรกที่ทำการซื้อขาย วันนี้ยังคงมีอาการเมาหมัดให้เห็นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของจังหวะเวลาที่ไม่ลงตัว บวกกับวันแรกสัญญาณแท่งเทียนปรากฏรูปค้อนหัวกลับ แถมยังปิดจุดต่ำสุดของวัน ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาอย่างร้อนแรง และราคาหุ้นร่วงลงมาเรื่อยๆ “หมดแรงยื้อ” วานนี้ถึงเห็นหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดที่ 26.75บาท ลบไป 0.50 บาท บอกได้ทันทีว่า หุ้นมีโอกาสลงต่อมากกว่าขึ้นเจ้าค่ะ
*ทางด้านหุ้นเทรนด์สวย เหมาะต่อการโหนกระแส “โมนิก้า” กลับมองไปที่ THANI ตรรกะของหุ้นตัวนี้ไม่มีอะไร เพราะมองแค่วอลุ่มซัพพอร์ตหรือไม่ เพียงเท่านี้ก็เห็นจังหวะที่ใส่กันอย่างเต็มเหนี่ยว ล่าสุดหุ้นปิดที่ 3.08 บาท บวกไป 0.22 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันทำให้พรายกระซิบถึงกับต้องป้องปากเม้าท์ว่า มีลุ้นเห็น 3.50 บาท แล้วต่อจากนั้นจะไปถึง 4 บาท ภายใต้สมมุติฐาน P/E 10-15 เท่า ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่ ติดตามดูกันเอาเองนะค่ะ
*สำหรับกรณีของ GEL อันนี้มองในรูปแบบเคลื่อนตัวระยะยาวจะอยู่ในทรง side way down แต่ในวงรอบดังกล่าวจะแฝงไว้ด้วยวงรอบเล็กๆ 4-5 วง และวงรอบในส่วนนี้จะขยับแบบตัว V หัวคว่ำ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 0.86บาท บวกไป 0.06บาท หรือขึ้นไป 7.50% ด้วยมูลค่าเกือบ 100 ล้านบาท แถมเป็นการขึ้นวันแรกเสียด้วย จึงต้องเล่นตามน้ำไงล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ NEP ดูอาการของหุ้นก็รู้ได้ทันทีว่า ยุทธการดันหุ้นธรรมดาๆ ซึ่งมีให้เห็นตลอดในช่วง 4-5 เดือน แถมเป็นการดันในจังหวะไซเคิลใหญ่ของหุ้นอยู่ในช่วงขาลง “โมนิก้า” ถึงไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรไปด้วยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากสัญญาณเทคนิค RSI ตั้งหัวชัน 45 องศา มันหมายถึงหุ้นมีโอกาสไปต่อ ยกเว้นไปต่อไม่ไหวจริงๆ ก็ถือว่า งานเลี้ยงเลิกแล้ว ล่าสุดหุ้นปิดที่ 0.88บาท บวกไป 0.07บาท หรือขึ้นไป 8.65% เม้าท์ได้แค่ว่า ชอบก็ให้แม่มาขอ!
*ส่วนหุ้นที่ “โมนิก้า” ไม่เคยชอบแม้แต่นิดเดียว และวันนี้ยังไม่ชอบต่อไป คงเป็นในรายของ KC หุ้นที่มีอะไรหลายอย่างค้างคาใจเหล่านักเล่น แถมดีลในการทำธุรกิจก็มึนๆ งงๆ เดี๊ยนไม่สามารถหาเหตุผลมาซัพพอร์ตการทะยานขึ้นของหุ้นได้สักเรื่อง บวกกับกระแสในโลกโซเชียลมีแต่การขุดคุ้ยปูมหลังขึ้นมาแฉ จึงมองไม่เห็นโอกาสที่หุ้นจะขยับขึ้นไปได้แรงๆ ล่าสุดหุ้นปิดที่ 4.18บาท บวกไป 0.30บาท หรือขึ้นไป 7.70% ถือเป็นเกมที่ผู้เล่นต้องหัดวิเคราะห์แล้วนะจ๊ะ
*ป.ล.การลงทุนในเที่ยวนี้ต้องแยกให้ออกระหว่าง “พื้นฐาน” กับ “เทคนิค” เพราะแต่ละแนวทางให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน หากเดินสายเทคนิคต้องรู้จักกำหนด “จุดขายทำกำไร” และ “จุดตัดขาดทุน” แถมหุ้นที่ขึ้นเที่ยวนี้ส่วนใหญ่เทน้ำหนักไปทางนี้เสียด้วย..คุณๆ ท่านๆ ต้องรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นะค่ะ