จับ ศก.เป็นตัวประกัน

หลังศาลยกคำร้องฝากขัง ปล่อยตัว “MBK39” กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ค่ำวันเดียวกัน สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์ ก็ออกแถลงการณ์วิงวอนให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ อย่าปลุกระดมสร้างความวุ่นวายจนเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากพื้นที่ราชประสงค์เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญ


ทายท้าวิชามาร : ใบตองแห้ง

หลังศาลยกคำร้องฝากขัง ปล่อยตัว “MBK39” กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ค่ำวันเดียวกัน สมาคมผู้ประกอบการวิสาหกิจย่านราชประสงค์ ก็ออกแถลงการณ์วิงวอนให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ อย่าปลุกระดมสร้างความวุ่นวายจนเกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากพื้นที่ราชประสงค์เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญ

ฟังทีแรกก็ยังงงๆ เป็นข่าวเก่าหลงจากปี 53 หรือไง เพราะการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ (ซึ่งก็เป็นไปอย่างสงบ) จัดที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่เกี่ยวกับราชประสงค์สักนิด กินยาผิดหรือเปล่า

วันถัดมา ห้างมาบุญครองก็แถลง ขอให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งงดใช้ชื่อ MBK เคลื่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิด ว่าห้างสนับสนุนหรือเกี่ยวข้อง

ท่าจะบ๊อง ใครนะคิดได้ขนาดนั้น ก็รู้กันว่าพวกเขาถูกตั้งข้อหาจากการทำกิจกรรมบนสกายวอล์กหน้า MBK จึงใช้ #MBK39 ซึ่งเท่ากับให้เกียรติด้วยซ้ำไป ว่า MBK คือสถานที่ที่ทุกคนรู้จัก จนยกเป็นสัญลักษณ์ ห้างกลับบ้าจี้กลัวถูกหาเป็นท่อน้ำเลี้ยง

แค่ขอร้องไม่ให้ใช้ชื่อ MBK ยังพอขำๆ ให้ล้อกันว่าจะเอาฮาไปถึงไหน แต่คำแถลงยังบอกว่า “ขอให้ผู้ชุมนุมคำนึงถึงส่วนรวมและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก” เช่นเดียวกับก๊วนราชประสงค์ “การรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศจึงเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่จะร่วมกันดำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในโลก”

นี่เหมือนจะโทษว่า คนอยากเลือกตั้ง เคลื่อนไหวคัดค้านการยื้อเลือกตั้ง เป็นพวกไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ? ไม่รักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ? บ่อนทำลายความเชื่อมั่น? ต้องสนับสนุนรัฐบาล คสช.ให้ทำงานต่อไป จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เอาที่ท่านสบายใจ อย่างนั้นหรือ

ขี้เกียจถามว่าตอนม็อบปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง พวกท่านแถลงอย่างนี้ไหม แต่ ชัตดาวน์กรุงเทพไม่ใช่หรือที่ทำให้เศรษฐกิจวิบัติ รัฐประหาร 4 ปี ก็มีแต่เสียงบ่นย่ำแย่ พอให้สัญญาจะเลือกตั้ง ชาวบ้านก็มีความหวัง ต่างชาติฟื้นความสัมพันธ์ จู่ๆ กลับเกิดอภินิหารทางกฎหมาย เลื่อนเลือกตั้ง แล้วพอมีคนประท้วง จะโทษว่าทำให้บ้านเมืองวุ่นวายทำลายเศรษฐกิจ?

ไม่ยักฟังสวนดุสิตโพลที่บอกว่าคนส่วนใหญ่อยากเลือกตั้ง แถมบ่นปากท้องย่ำแย่ เศรษฐกิจตกต่ำ ไม่เห็นเชื่อมั่นอย่างที่ว่าเลย

คนที่คิดอย่างนี้คงเชื่อน้ำมนต์ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ว่าประเทศไทยกำลังเทกออฟ เศรษฐกิจกำลังเติบโตได้ดี ขอให้มีความสงบภายในประเทศและคนไทยไม่ทำในสิ่งที่เสมือนการทำร้ายตัวเอง ขอให้ฝ่ายการเมืองร่วมมือกับรัฐบาลผลักดันเศรษฐกิจ รัฐบาลไม่ได้หาเสียง ไม่ได้หวังเล่นการเมืองในอนาคต บลาๆๆ

เรื่องไม่ได้หาเสียงไม่หวังเล่นการเมือง พูดไปเหอะ ชาวบ้านเห็นขี้ฟัน ประเด็นสำคัญคือ ถ้าประชาชนไม่เรียกร้องประชาธิปไตย ยอมให้ละเมิดสิทธิเสรีภาพ แล้วเศรษฐกิจจะดีจริงหรือ

สมคิดกำลัง “จับเศรษฐกิจเป็นตัวประกัน” อย่าคัดค้านเลื่อนเลือกตั้ง อย่าทวงถามนาฬิกา ให้โอกาสรัฐบาลขาลง ยอมปิดหูปิดตาปิดปาก แล้วเอาน่า เศรษฐกิจจะดี

จริงเหรอ ยังไม่พูดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะห้ามคนค้าน เอาแค่เรื่องเศรษฐกิจล้วนๆ ถ้ายังไม่มีเลือกตั้ง จะมีความเชื่อมั่นได้อย่างไร

เลือกตั้งไม่ใช่เลือกพรรคไหน ก็คือเดินไปสู่สูตรนายกฯ คนนอกนั่นแหละ แต่มันจะเป็นการพิสูจน์ว่าสังคมไทยยอมรับสูตรนี้หรือเปล่า สามารถสร้างฉันทามติ ให้ฝ่ายต่างๆ อยู่ร่วมกันได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เกิดการลงทุนหรอก

Back to top button