CHEWA ตีเหล็กยามร้อน
สูตรง่ายๆ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มองเห็นอนาคตที่มีโอกาสมาแรง หนีไม่พ้นการขยายฐานทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการก่อหนี้...การเพิ่มทุนมากกว่า 207% พร้อมกับสูตรวิศวกรรมการเงินครบครันของบริษัทลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์อย่างบริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA จึงเลี่ยงไม่พ้น
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
สูตรง่ายๆ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มองเห็นอนาคตที่มีโอกาสมาแรง หนีไม่พ้นการขยายฐานทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากการก่อหนี้…การเพิ่มทุนมากกว่า 207% พร้อมกับสูตรวิศวกรรมการเงินครบครันของบริษัทลูกครึ่งไทย-สิงคโปร์อย่างบริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA จึงเลี่ยงไม่พ้น
เพียงแต่คนที่จะทำได้ต้องมีพื้นฐานที่ดีรองรับว่ามีกำไรสวยด้วย ไม่อย่างนั้น..ไม่เช่นนั้น มีหวังได้เห็นหุ้นร่วงเละเทะ
ตัวอย่างราคาหุ้น CHEWA ที่ร่วงกว่า 12% หลังจากการประกาศเพิ่มทุนก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า…ของดีแค่ไหน ก็มีโอกาสเป๋ได้….เพราะนักลงทุนไม่ชอบการเพิ่มทุน ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ
“ก็มันไม่ชอบน่ะ…ทำไงได้”
เมื่อวานนี้ CHEWA แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 2560 ด้วยตัวเลขสวยหรูจากการส่งมอบและโอนโครงการ 3 โครงการพร้อมกัน ทำให้มีรายได้ตามเป้า 2,042 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเกินคาดถึง 155.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.51% จากระดับกำไรสุทธิ 63.08 ล้านบาทในปี 2559
โดยความสามารถของบริษัทจากการส่งมอบโครงการที่แล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ใน 1) โครงการชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง 2) โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ และ 3) โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ อโศก เป็นจำนวนมาก ทำให้รายได้ของ CHEWA เติบโตกว่าปกติน่าอิจฉา เพิ่มขึ้นถึง 70.10%
กำไรสุทธิที่โตก้าวกระโดด ทำให้กำไรสุทธิต่อหุ้นของ CHEWA อะร้าอร่ามไปด้วย จากปีก่อน 0.09 บาท เป็น 0.21 บาท หรือเพิ่มขึ้น 133.3%
ผลลัพธ์ทันที คือ ทำให้ค่า PEG เหลือแค่ 0.5 เท่า …ถ้าหากไม่มีการเพิ่มทุนใหม่..ลืมกันไปได้เลยกับค่าพี/อีเดิมที่สูงกว่า 60 เท่า
เพียงแต่ทุนจดทะเบียนเดิมแค่ 750 ล้านบาท สำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายตัวมหาศาลเพียงแค่ปี 2561 ปีนี้ก็มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชีวาทัย เพชรเกษม 27, โครงการชีวาโฮม รังสิต-คลองสี่ และโครงการชีวาโฮม ประชาอุทิศ 90 โดยมีมูลค่าโครงการรวมกว่า 3 พันล้านบาท…ตามมาด้วยโครงการที่รอเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้อีก 6 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.19 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่บริษัทพัฒนาเอง จำนวน 4 โครงการ มีมูลค่า 3.74 พันล้านบาท ส่วนอีก 2 โครงการเป็นการร่วมทุนในนาม บริษัท ชีวา ฮาร์ท จำกัด มีมูลค่า 450 ล้านบาท…มันเสมือนโยนก้อนหินลงทะเล ไม่มีความหมายอะไร….แถมอาจจะมีปัญหาหนี้ล้นพ้นตัว หรือขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ง่ายๆ
ยิ่งเป้าหมายปี 2561 วางเป้าจะมีรายได้ประมาณ 2,400 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากยอดขายรอโอนประมาณ 1,500 ล้านบาท และแผนเปิดโครงการใหม่ต้องการทุนใหม่เพิ่มทวีคูณมาหมุนเวียน..ยิ่งต้องเกิดแรงกดดันสูงขึ้น
การเพิ่มทุนจึงเป็นทางเลือกสำคัญ…แต่เพิ่มทุนอย่างไรที่ผู้ถือหุ้นไม่เสียหายและได้รับประโยชน์ร่วมกัน …เป็นโจทย์ที่ผู้บริหารและกรรมการต้องตอบ
คำตอบออกมาแล้วจากที่ประชุมคณะกรรมการที่อนุมัติมาตรการครบชุดพร้อมกัน คือ
- จ่ายปันผลเป็นเงินสดและหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.08547 บาท โดยแบ่งเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.008547 บาท และหุ้นปันผลในอัตรา 13 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผลใหม่ โดยจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือไม่เกิน 57.69 ล้านหุ้น ใช้รองรับหุ้นปันผล
- เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 2.31 พันล้านบาท จากเดิม 750 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 1.56 พันล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยแบ่งจัดสรรเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 750 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) ที่ 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1.15 บาท ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ค. 2561 ส่วนที่สองจัดสรร 750 ล้านหุ้น ใช้รองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) ที่จะออกไม่เกิน 750 ล้านหน่วย อายุ 1 ปี 6 เดือน จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนโดยไม่คิดมูลค่าอัตราส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นใหม่ที่ราคาใช้สิทธิ 1.75 บาท/หุ้น
มติในข้อแรกนั้น หากพิจารณาเชิงลึกแล้วจะจ่ายปันผลในระดับ 11 สตางค์ต่อหุ้น…มากกว่าตัวเลขทางการที่ประกาศออกมา…ชัดเจน ไม่มีคำถาม ส่วนมติข้อหลังมีคำถามตามมาเยอะแยะ แต่มี 2 ข้อสำคัญ คือ
- ถ้าหากตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มทุนราคาต่ำกว่าบุ๊คก่อนเพิ่มทุนเสียอีก จะมีราคาต่ำกว่าราคาที่ซื้ออีกมากแค่ไหน
- ราคาแปลงสิทธิ์ CHEWA-W1 ที่ค่อนข้างสูง…สูงกว่าราคาหุ้นแม่เสียอีก…จะคุ้มค่าแก่การถือเพื่อแปลงสิทธิ์หรือไม่
ยังไม่มีคำตอบ ต้องลองถึงจะรู้…ว่าจะแสบก้น หรือ แซ่บลิ้น
อิ อิ อิ