ERW จะดีขึ้นเรื่อยๆ

ในไตรมาสแรกธุรกิจการท่องเที่ยวมีการขยายตัวดีขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากขึ้น แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะปกติ ช่วยหนุนให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือให้สามารถเติบโตตามเป้าได้ ซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีของการท่องเที่ยว


ในไตรมาสแรกธุรกิจการท่องเที่ยวมีการขยายตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามามากขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวเข้าสู่ภาวะปกติ ช่วยหนุนให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่เหลือให้สามารถเติบโตตามเป้าได้ ซึ่งเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีของการท่องเที่ยว

โดยปีนี้ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW มีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ย (OCC) น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 77% ขณะที่ราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) เพิ่มขึ้น 3% สำหรับสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นในโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพฯ 61% และต่างจังหวัด 39% ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 58 มีการเติบโตที่สูงจากนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น อันดับ 1 คือ ชาวจีนมีสัดส่วนถึง 25% อันดับ 2 เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย มีสัดส่วน 13% และอันดับ 3 คือ ชาวอเมริกัน มีสัดส่วน 11%

อานิสงส์ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างธุรกิจในส่วนของโรงแรมมีการเติบโตกันมากขึ้น ซึ่งทำให้ ERW โชว์ผลงานในไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2558 ได้อย่างสวยหรู เพราะบริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,455.88 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,009.70 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากการประกอบกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 139.63 ล้านบาท หรือ 0.0563 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 3.08 ล้านบาท หรือ 0.0012 บาทต่อหุ้น

สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากที่การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ วัดจาก ERW ที่กลับมาทำกำไรเพิ่มขึ้น 3,594% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปรในการตัดสินใจสำหรับลงทุนพบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทน่าวิตกกังวล เพราะบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียน 1,188.11 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 2,864.78 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 0.42 เท่า แสดงว่า สภาพคล่องทางการเงินไม่คล่องตัว

ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทจะมีเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 6,503.39 ล้านบาทส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินรวม 9,714.33 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 4,889.82 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.99 เท่า ในส่วนของหนี้สินไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นหนี้ที่บริษัทนำมาใช้ในการลงทุน และเชื่อว่าปัญหาส่วนนี้บริษัทจะรีบดำเนินการอีกไม่ช้า เนื่องจากบริษัทยังทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง จึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีงบลงทุนไว้ประมาณ 18,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงแรม 15 แห่ง โดยจะเปิดดำเนินการในช่วงปลายปีนี้ 4 แห่ง ก็จะส่งผลให้สิ้นปีนี้มีโรงแรมรวม 32 แห่ง จากปัจจุบันมีโรงแรมอยู่ 28 แห่ง ส่วนที่เหลือที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างอีก 11 แห่ง จะมีการเปิดดำเนินการในปีหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงแรมในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2559 อย่างไรก็ตาม การลงทุนในต่างประเทศขนาดห้องพักจะอยู่ที่ระดับ 150-200 ห้อง และตามแผนจะมีการเปิดโรงแรม 5-6 แห่งในต่างประเทศภายในปี 2560 งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยขณะนี้มีการศึกษาทั้งในประเทศฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดว่าจะมีความชัดเจนได้ในไตรมาส 2 ปี 58 ถึงไตรมาส 3 ปี 58 และน่าจะจัดตั้งได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 58 โดยจะมีมูลค่าประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ขยายธุรกิจ และจ่ายเงินปันผลต่อไป

ERW จึงยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน!!

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายสุขกาญจน์ วัธนเวคิน 376,300,287 หุ้น 15.16%

2.บริษัท ซิตี้ โฮลดิ้ง จำกัด 203,481,318 หุ้น 8.20%

3.นางวรรณสมร วรรณเมธี 149,618,113 หุ้น 6.03%

4.บริษัท ทุนมิตรสยาม จำกัด 144,488,645 หุ้น 5.82%

5.PAN ASIA ASSETS LIMITED 73,000,000 หุ้น 2.94%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย ประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ

2.นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการผู้จัดการใหญ่

3.นางกมลวรรณ วิปุลากร กรรมการ

4.นายวิฑูรย์ ว่องกุศลกิจ กรรมการ

5.นางพนิดา เทพกาญจนา กรรมการ

Back to top button