PP ลักกี้นัมเบอร์
แล้วในที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างเส้นทาง ....การแข่งขันย่อมเหลือผู้ชนะแค่เพียง 1 คน เมื่อล่าสุดคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติเป็นทางการ แต่งตั้ง ดร.ภากร ปีตธวัชชัย เป็นผู้จัดการคนที่ 13 ....มีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้
แฉทุกวันทันเกมหุ้น
แล้วในที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างเส้นทาง ….การแข่งขันย่อมเหลือผู้ชนะแค่เพียง 1 คน เมื่อล่าสุดคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีมติเป็นทางการ แต่งตั้ง ดร.ภากร ปีตธวัชชัย เป็นผู้จัดการคนที่ 13 ….มีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายนนี้
มติดังกล่าวเป็นไปตามข้อเสนอของ “แก๊งหางเปีย” ….อุ๊ย ขออภัย (ขอตบปากตัวเองหนึ่งครั้ง)….คณะอนุกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน 5 คน (หญิง 4 ชาย 1) ประกอบด้วย นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธาน, นางวรวรรณ ธาราภูมิ, นางโชติกา สวนานนท์, นางเกศรา มัญชุศรี และ นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา….ที่เสนอชื่อมาเพียงคนเดียวในลักษณะ The Only One Choice เป็นเอกฉันท์
ผลลัพธ์จากมติของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ ดร.ภากร ปีตธวัชชัย เป็นกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 13 เริ่มดำรงตำแหน่ง 1 มิถุนายน 2561 โดยมีวาระ 4 ปี
ขอแสดงความยินดีกับ ดร.ภากร …ซึ่งหากพิจารณาคุณสมบัติที่คณะกรรมการอ้างถึงว่า “...เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ด้านตลาดเงินตลาดทุนที่จะสามารถสานต่อนโยบายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมการขยายตัวของตลาดทุนไทยในยุคดิจิทัล และเชื่อมโยงกับตลาดทุนโลก พร้อมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาตลาดทุนทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกภาคส่วน…” ก็สมควร และยินดีต้อนรับทุกประการ
ไม่มีเงื่อนไขให้ติติง
โดยคุณสมบัติด้านความรู้ คนที่เคยเรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จาก สจล. ปริญญาโทการเงิน จากวิสคอนซิน และ ปริญญาเอกการเงินและเศรษฐศาสตร์ จาก ม.บอสตัน…ก็เก่งพอตัว
ด้านความสามารถและประสบการณ์ เคยผ่านงานมาหลายแห่งทั้งในธุรกิจน้ำตาล ตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่สายการเงิน บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารการเงิน บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อนมานั่งตำแหน่งรองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาด และล่าสุด สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และสายงานการเงินและบริหารเงินลงทุน…ถือว่ารอบจัดพอตัว
แม้จะมีเสียงค่อนขอดว่า ดร.ภากร “เก่ง..แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง” ก็ไม่ใช่อุปสรรค เพราะ….คณะอนุกรรมการฯ หญิง 1 ชาย 1 ฟังแล้วรื่นหูซะอย่าง…ไม่ว่าจะเรื่อง 1) วิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขับเคลื่อนแผนการปฏิบัติ 2) ภาวะความเป็นผู้นำ 3) มีจริยธรรมและจรรยาบรรณ 4) มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี สามารถเป็นตัวแทนขององค์กรต่อสาธารณะทั้งในประเทศและต่างประเทศ 5) มีความเข้าใจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงิน-ตลาดทุน…จึงฉลุยผ่านการสอบตลอด ไร้รอยตะเข็บ
ที่สำคัญ อายุยังแค่ 54 ปี แต่ได้ร่วมทำงานกับตลาดหลักทรัพย์ฯ มาถึง7 ปีแล้ว ถือเป็น “คนใน” ได้คนหนึ่งพอกล้อมแกล้ม
เมื่อผู้ชนะถูกประกาศเป็นทางการก็ถือว่าเป็น “…การดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดทุกประการ”….เอวัง ที่ยังมีหางเลขไว้เป็นข้อสังเกตพอสังเขปดังนี้
- ระยะเวลารับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2561 ที่กำหนดไว้เดิมถูกขยายออกไป ตามอำนาจที่คณะอนุฯได้รับ ซึ่งระบุชัดว่า “…สงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการขยายระยะเวลาการรับสมัคร ยกเลิกการรับสมัคร และประกาศรับสมัครใหม่…” ได้ถูกยืดออกไปอีก 15 วัน จนถึง 31 มกราคม 2561 ….เสมือนนั่งคอยใครบางคนอยู่….ซึ่งถูกเปิดเผยเบื้องลึกว่า รอล็อบบี้หรือจูงใจ ให้ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ หนึ่งในทีมงานของรองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และเป็นอดีตรองผู้จัดการตลาดฯมาก่อน…บังเอิญ “ดีล” ล่มเสียก่อน
- ผู้สมัครที่อยู่ในข่าย “แคนดิเดต” ที่แท้จริง มีอยู่ 4 คน (ที่เหลือเป็นแค่ “หน้าม้าประดับยนต์”) มาจากคนที่เกี่ยวโยงกับธนาคารไทยพาณิชย์ 3 คน คือ ดร.ภากร, นายสมิทธ์ พนมยงค์ (บลจ.ไทยพาณิชย์) และ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ (SCB Abacus) เหลือคนในที่เก่าแก่คนเดียวคือ ดร.สันติ กีระนันทน์ (อดีตกรรมการผู้จัดการ ทริสเรทติ้ง)…ความเป็นไปได้ที่จะมีแคนดิเดตจริงจึงเหลือแค่ 2 คน คือ ดร. ภากร และ ดร.สันติ
ตามเงื่อนไขแล้ว ขั้นตอนสรรหา (4 ขั้นตอน) คณะอนุฯสามารถที่จะเสนอชื่อผู้เข้าสมัคร (พร้อมคะแนน) “…ที่เหมาะสมที่สุดไม่เกิน 3 ราย…” ยื่นนำเสนอ เพื่อให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ (บอร์ดใหญ่) เพื่อคัดเหลือเพียง 1 รายที่เหมาะสมที่สุด
ไม่รู้ว่าคณะอนุฯหญิง 4 ชาย 1 คิดอย่างไร…หรือเจตนาดีอย่างมาก ห่วงใยว่าคณะกรรมการตลาด (บอร์ดใหม่) จะวุ่นวายใจ หรือไม่สะดวกด้วยเหตุบางประการ….หรือเพราะมี “ใบสั่งมา” (ที่สุดจะคาดเดา)…ผลลัพธ์จึงออกมาว่าต้องเหลือแค่เสนอชื่อ 1 คนเท่านั้น
ประเด็นสำคัญในการเลือก “คนเดียวที่เหมาะสม” อยู่ที่จะไม่เป็นปัญหาเลย หากว่าในขั้นตอนที่ 2 (คณะอนุฯกลั่นกรองและคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติมาเพื่อการนัดสัมภาษณ์)…ปรากฏรายชื่อของ ดร.สันติ หล่นหายไประหว่างทาง….ตีความไม่ยากเลยว่า….ตกคุณสมบัติ….ไม่ต้องเรียกมาสัมภาษณ์
ไม่มีใครแพร่งพรายว่า คุณสมบัติที่ทำให้ ดร.สันติ…สอบตก….ในสายตาของคณะอนุฯ หญิง 4 ชาย 1 แต่หากตรวจสอบคุณสมบัติทางด้านการศึกษา…ดร.สันติ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จบปริญญาโทและเอก จากมหาวิทยาลัยในประเทศ ที่เหลือจบปริญญาโทและเอกจากต่างประเทศกันหมด
ส่วนอีกข้อหนึ่งที่ไม่ระบุในคุณสมบัติ และ…ไม่ควรเป็นเหตุผล…คือ ดร.สันติ ยังเป็นชายโสด…ทั้งแท่ง (ฮา)
สรุปก็เอาเป็นว่า งานนี้ ดร.ภากร ฉลุย ผ่านตลอดเสมือน…รูดปรื๊ดๆๆๆๆๆ เข้าเส้นชัย ใสสะอาด…คนเดียวโดดๆ
ปล่อยให้คนใจช้ำ ต้องไปเขียนกลอนระบายทุกข์ปลอบใจ และ…อาจจะต้องหลบลี้หนีไปหางานทำในต่างประเทศแทน..เพราะอยู่เมืองไทย แต่ไม่ “จบนอก”
พร้อมกับความทรงจำว่าด้วย “แก๊งหางเปีย” …พูดผิดอีกแล้ว (ขอตบปากตัวเองอีก 2 ที)
อิ อิ อิ