เลือกหุ้นรายตัว

ขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีงานใหญ่ระดับโลกอยู่งานหนึ่ง นั่นคือ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2018” ณ สนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส จ.ชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 ติดต่อกันแล้ว


ขี่พายุทะลุฟ้า : ชาญชัย สงวนวงศ์

ขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีงานใหญ่ระดับโลกอยู่งานหนึ่ง นั่นคือ “ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2018” ณ สนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ พัทยา โอลด์คอร์ส จ.ชลบุรี ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 ติดต่อกันแล้ว

เจ้าภาพใหญ่คือ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) และแม่งานคนสำคัญที่เป็น “ป๋าดัน” ตัวจริง ก็คงจะเป็นใครเสียมิได้ นอกจากคุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการบริษัท

เงินรางวัลทั้งหมด 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 51 ล้านบาท เป็นรายการใหญ่ที่ได้รับการบรรจุในรายการแข่งขันของ LPGA ซึ่งนักกอล์ฟชื่อดังระดับโลกจะต้องมาล่ารางวัลสะสมคะแนนกันอยู่แล้ว

โดยไม่ต้องจ่ายค่าตัวนักกอล์ฟชื่อดังเป็นค่า “แอพเพียร์แรนซ์ ฟี” เป็นพิเศษเหมือนกับรายการเล็กอื่นๆ

เป็นรายการที่คัดเอาสุดยอดฝีมือ 60 อันดับโลก และนักกอล์ฟรับเชิญอีก 10 คนมาแข่งขันรวม 4 วัน (22-25 ก.พ.) โดยไม่มีการตัดตัว

ดาราระดับโลกมากันเพียบ อาทิ ลิเดีย โค, เล็กซี่ ทอมป์สัน, เอมี หยาง, แอนนา นอร์ดควิสต์, คริสตี้ เคอร์, โซ ยอน ริว, บรู๊ค เฮนเดอร์สัน, ชาน ชาน เฟ็ง และโค จิน ยอง ฯลฯ ดาวรุ่งที่เพิ่งไปคว้าแชมป์ไอเอสพีเอส ฮันดะฯที่บริสเบน ออสเตรเลียเมื่อสัปดาห์ก่อน

ส่วนนักกอล์ฟไทยเราก็แน่นอนว่ามีพี่น้องโม-เม โมรียา-เอรียา จุฑานุกูล และพรอนงค์ เพชรล้ำ ซึ่งอยู่ในท็อป 60 อยู่แล้ว และยังมีดาวรุ่งสาวไทยที่กำลังจะเป็นอนาคตอีกหลายคน

จากสถิติที่ผ่านๆ มา รายการนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตั้งใจมาชมเป็นการเฉพาะถัวเฉลี่ยในราว 2.5 หมื่นคน และมีผู้ชมทั่วโลกจากการถ่ายทอดสดอีกประมาณ 200 ล้านคน

ชื่อเสียงประเทศไทยและพัทยา หอมหวนมา 12 ปีแล้ว สมควรจะมอบรางวัลเกียรติยศผู้ทำคุณงามความดีให้บ้านเมืองแก่ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) และคุณพิทักษ์ พฤทธิสาริกร จริงๆ

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนถึงภาวะตลาดหุ้นไทย ซึ่งขับเคลื่อนไปด้วยปัจจัยสภาพคล่อง อันเป็นอิทธิพลมาจากภาวะเงินล้นโลก และให้จับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดของนักลงทุนต่างชาติให้ดี

สัปดาห์นี้ ผมว่าสถานการณ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ เพราะต่างชาติยังคงรินขายหุ้นออกมาต่อเนื่อง โดยช่วง 1-21 ก.พ. ต่างชาติขายสุทธิออกมาทั้งสิ้น 36,785 ล้านบาท และถ้าคิดสะสมตั้งแต่ต้นปีมาต่างชาติขายออกมาทั้งสิ้น 42,484 ล้านบาท

ไม่ใช่ว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้จะหมดเสน่ห์แล้วหรอก เพียงแต่ต่างชาติอาจจะเห็นว่าราคาแพงไปแล้ว ก็เลยเริ่มทยอยเงินลงทุนออกไปตลาดอื่น

แต่ตลาดโดยรวมก็ยังคงไม่ถึงกับมีการปรับฐานรุนแรงอะไร มีลักษณะเป็นไซด์เวย์มากกว่า และมีความผันผวนระหว่างวัน ซึ่งช่วงภาคเช้ามักจะเปิดแรง แล้วมาแผ่วเอาตอนบ่าย

อย่างเช่นตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา กระชากขึ้นไปสูงสุดที่ 13 จุด และอ่อนตัวลงไปต่ำสุด 3 จุดก็มี สุดท้ายมาปิดที่ 1,801 จุด ปรับตัวขึ้นแค่ 0.14 จุด ในขณะที่ตลาดภูมิภาคปรับตัวขึ้นเกือบถ้วนหน้า

ภาวะตลาดเช่นนี้ยิ่งต้องเฟ้นเลือกหุ้นลงทุนเป็นรายตัวครับ

อย่างเช่นหุ้นปตท. หรือ PTT อย่างเนี้ย เห็นราคาหุ้นข้ามระดับ 500 บาท คิดว่าแพงไปแล้ว แต่ส่องเนื้อในดูดีๆ เถอะ ราคายังไม่แพงสักเท่าไหร่เลย

ถึงแม้ในระดับราคาที่ 544 บาท แต่ P/E ก็ยังอยู่แค่ 11 เท่า P/BV หรือราคาหุ้น/มูลค่าทางบัญชี ก็ยังอยู่ในระดับ 1.89 เท่าซึ่งเป็นระดับที่รับได้

หุ้น PTT เป็นหุ้นใหญ่หุ้นดี ที่ราคาไม่ขยับแรงเท่ากับตัวอื่นมานานครับ พอมีข่าวดีเรื่องผลประกอบการทะลุแสนล้านและแตกพาร์ ก็ทำให้หุ้นซื้อขายกันระเบิดเถิดเทิง และก็อย่างว่าแหละ ราคาที่ขยับพรวดตอนนี้ก็ยังไปต่อได้

หุ้นใหญ่อีกตัวที่มีอาถรรพ์ แตะ 100 บาทเมื่อไหร่เป็นไหลรูดลงมาทุกที นั่นก็คือ PTTGC พี/อียังแค่ 10.70 เอง P/BV ก็ยังแค่ 1.53 เท่า อัตราปันผลตั้ง 4.5%

โอกาสเที่ยวนี้ คงข้าม 100 บาทเร็วๆ นี้ได้เสียที ในขณะที่หุ้นใหญ่ตัวอื่นๆ ราคาค่อนข้างจะเต็มมูลค่ากันเป็นส่วนใหญ่แล้ว

ส่วนอีกตัวหนึ่งก็คือ บริษัทท่าอากาศยานไทย หรือ AOT นี่คือหุ้น “Growth Stocks” หรือ “หุ้นเติบโต” ตลอดกาล ซึ่งวัดกันแค่ P/E หรือ P/BV อย่างเดียวไม่ได้ครับ วันไหนอ่อนตัวลงมา ต้องเข้าซื้อ และราคาวันนี้ก็ยังไม่แพง

ภาวะตลาดที่เริ่มแพงไปแล้ว ย่อมเหลือหุ้นน้อยให้เล่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีหุ้นคุณภาพให้เล่นเลย คงต้องเลือกเฟ้นกันหน่อย

Back to top button