6 หุ้นรับทรัพย์ท่องเที่ยวโต
ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 3,544,528 คน ขยายตัว 10.87% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวเกือบทุกภูมิภาค โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 2,146,156 คน
เส้นทางนักลงทุน
ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยต่อสถานการณ์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 3,544,528 คน ขยายตัว 10.87% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตามการขยายตัวของนักท่องเที่ยวเกือบทุกภูมิภาค โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกมากที่สุด 2,146,156 คน
รองลงมา ได้แก่ นักท่องเที่ยวภูมิภาคยุโรป อเมริกา เอเชียใต้ โอเชียเนีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ตามลำดับ โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียใต้ขยายตัวสูงถึง 20.65% จากการเพิ่มเส้นทางบินสู่เมืองรองในอินเดีย
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยที่มีจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลี ลาว ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ตามลำดับ โดยรวม 10 ประเทศมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 2,387 พันคน
โดยในเดือนมกราคม 2561 นักท่องเที่ยวจีนยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ 12.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ปีก่อนฐานสูงเพราะมีตรุษจีน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตสูงที่สุดเป็นรัสเซีย เติบโตได้ถึง 28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รองลงมาเป็นอินเดีย เติบโตได้ที่ 22.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รองลงมาอีกเป็นลาว เติบโตได้ที่ 21.30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นต้น
สำหรับการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศก่อให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวระหว่างเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อให้เกิดรายได้ 188,890.60 ล้านบาท ขยายตัว 11.59% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ส่วนนักท่องเที่ยวที่สร้างรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ประกอบด้วย จีน รัสเซีย เกาหลี สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย และออสเตรเลีย ตามลำดับ โดยรายได้รวมทั้ง 10 ประเทศ จำนวน 123.39 พันล้านบาท
ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2561 ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจะพลิกกลับมาเติบโตได้โดดเด่นจากการเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีเทศกาลตรุษจีน (15 ก.พ.-21 ก.พ. 2561) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ระดับ 3.13 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นได้ถึง 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน คือเมื่อเทียบกับตรุษจีนปีก่อน (27 ม.ค.-2 ก.พ. 2560)
ผลดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายคาดว่าภาพรวมการเติบโตในไตรมาส 1/61 จะยังคงเติบโตอย่างโดดเด่นได้อย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูล บล.เคทีบี ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น Overweight ในหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย…ชอบเด่นๆ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW มากที่สุด ราคาเป้าหมายที่ 9.50 บาท เพราะคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/2560 ยังเดินหน้าเติบโตได้ดี และได้ประโยชน์จากการที่มีโรงแรม (Hop-Inn) ในเมืองรองมากที่สุด ส่วน บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 57 บาท เนื่องจากได้ประโยชน์จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียที่เติบโตได้ดีต่อเนื่อง ประกอบกับ ธุรกิจอาหารจะมี SSSG ในไตรมาส 4/2560 จะกลับมาเติบโตได้ถึง 4.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ประกอบกับยังมีมุมมองเชิงบวกต่อ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จากนักท่องเที่ยวที่เติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงยังชอบหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่าง บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ราคาเป้าหมายที่ 24 บาท, บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท และ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ราคาเป้าหมายที่ 28 บาท
อย่างไรก็ดี หากทิศทางของการท่องเที่ยวไทยยังขยายตัวดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องก็จะเติบโตขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังตัวอย่างบริษัทข้างต้น
แล้วทุกอย่างจะดีไปเอง อย่างผลประกอบการ และที่สำคัญคงหนีไม่พ้นส่วนของราคาหุ้นที่คาดว่านักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไร!!