TITLE ซ่อนกำไรในรูปหนี้

ผลประกอบการบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะในภูเก็ตในปี 2560 ออกมาแล้ว ทำลายหลุมดำของความมืดมนเรื่องพื้นฐานของราคาหุ้นไปได้...และน่าผิดหวัง เพราะกำไรสุทธิลดลงไปเยอะ


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

ผลประกอบการบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เฉพาะในภูเก็ตในปี 2560 ออกมาแล้ว ทำลายหลุมดำของความมืดมนเรื่องพื้นฐานของราคาหุ้นไปได้…และน่าผิดหวัง เพราะกำไรสุทธิลดลงไปเยอะ

แถมกำไรต่อหุ้นเพียงแค่ 0.13 บาท ที่แก้ไขสถานการณ์ด้วย การอนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้นปันผล ในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล และเงินสดในอัตรา 0.0055555556 บาท/หุ้น (เอาไว้จ่ายภาษีปันผล) ชดเชยกำไรต่อหุ้นที่ต่ำ….ก็ช่วยได้แค่กล้อมแกล้ม ประเภท ดีกว่าไม่ได้อะไร

เพียงแต่นักบริหารที่มองโลกสวยอย่างนาย ศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ออกมายืนยัน (และนอนยัน) ว่า…ขอให้มองข้ามอดีตไปเลย มามองอนาคตกันดีกว่า…..ไม่ใช่เพราะต้องการแค่ปลอบใจ แต่เพราะ…..มีของดีและข่าวดีรอข้างหน้า

TITLE ในปี 2560 มีรายได้รวมอยู่ที่ 293 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.3 ล้านบาท ซึ่งแม้ว่าผลประกอบการในปีก่อนจะต่ำกว่าปี 2559 แต่ผู้บริหารก็ยังอยู่ในกรอบที่ได้วางไว้ เนื่องจากยังคงเป็นรายได้จากหาดเดียว คือหาดราไวย์ และยังมีโครงการที่ยังไม่ได้โอนให้กับลูกค้า

สิ่งที่ผู้บริหาร TITLE หมายมั่นปั้นมือให้นักลงทุนมองอยู่ที่ปี 2561 นี้เป็นต้นไป เพราะการระดมทุนจากตลาดหุ้น ทำให้ TITLE สามารถขยายลุยเปิดโครงการในทำเลใหม่ในภูเก็ตที่เพิ่มขึ้นมากขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบประมาณการซื้อที่ดินไว้ที่ 300-400 ล้านบาท ในอีก 1-2 ทำเลใหม่ เพื่อพัฒนาโครงการรองรับรายได้ในปี 2563 ถึงปี 2565 ….ถึงขั้นตั้งเป้ารายได้รวมในช่วง 3 ปีดังกล่าวไว้ที่ 6,000 ล้านบาท และรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 25%

มุมมองผู้บริหาร TITLE มีเหตุผลรองรับ เพราะธุรกรรมทั้งหมดของบริษัทนี้ มุ่งเน้นเป้าลูกค้าต่างชาติโดยตรง…เจาะ นิช มาร์เก็ต อย่างเดียวเช่นนี้ เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงพร้อมกันไป

สินค้าอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม เปิดช่องให้ตลาดต่างชาติที่มีเอเย่นต์จัดซื้อมาจับจองให้ในภูเก็ต กลายเป็นขาขึ้นที่ TITLE ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่

ดังที่ทราบกันดี ชาวต่างชาตินิยมซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ต เป็นรองอันดับสามของไทย รองลงมาจาก เขตกรุงเทพมหานคร-ปริมณฑล และพัทยา โดยที่ตัวเลขในปี 2560 ระบุว่า มีต่างชาติซื้อโครงการที่ภูเก็ตรวมทั้งหมด 5,448 ล้านบาท หรือ 25% จากที่มีการซื้อขายทั้งหมด 18,161 ล้านบาท ใกล้เคียงกับพัทยาที่ต่างชาติเน้นมากที่สุดรองจาก กทม.และปริมณฑลคือ เมืองพัทยา ที่มีตัวเลขซื้อโดยต่างชาติ 6,524 ล้านบาท

การตั้งเป้ารายได้ของ TITLE ในปี 2561-2562 โตไม่ต่ำกว่า 100% จากปี 2560 พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 20% เพื่อปักธงธุรกิจภายใน 5 ปี จะขอก้าวเป็นเบอร์หนึ่ง “อสังหาฯทางเลือก” ของภูเก็ต….เป็นทั้งความท้าทายและบททดสอบความฝันว่าจะจริงแค่ไหน

หากไม่ลืมข้อเท็จจริงในหนังสือชี้ชวนตอนที่ระดมทุนเมื่อปลายปีก่อน โมเดลธุรกิจของ TITLE ที่โดดเด่น เพราะมีรูปแบบในการนำเสนอสินค้า 2 รูปแบบ ในแต่ละโครงการ คือ 1) ขายกรรมสิทธิ์เด็ดขาด 2) ให้เช่าระยะยาว 30 ปี พร้อมกับรับบริหารผลประโยชน์ให้ลูกค้ากรณีที่ผู้เช่าไม่สามารถมาใช้ทำประโยชน์ได้

ทั้งสองรูปแบบทางการตลาดนี้ ทำให้การขายโครงการราบรื่นอย่างดีเยี่ยม เพียงแต่บริษัทนี้ จะมีสัดส่วนหนี้ต่อส่วนผู้ถือหุ้นที่ถือว่าสูงเกินจำเป็น โดยเฉพาะในช่วงก่อนเข้าตลาดหุ้น…เพราะตั้งเงื่อนไขราคาพรีเซลเอาไว้ว่าลูกค้าต้องชำระเงินจองก่อน 75% ของมูลค่าโครงการ …ตัดปัญหาลูกค้าทิ้งเงินจองชะงัดดีแท้

ไม่แน่จริง หรือไม่แน่ใจ รายอื่นๆ ห้ามลอกเลียนแบบ…..ถือเป็นความสามารถพิเศษ

การทยอยรับรู้ยอดขายรอโอนของ TITLE ที่ปัจจุบันมีอยู่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้กว่า 50% ขณะที่เตรียมเปิดอีก 2 โครงการใหม่ในช่วงปลายปีนี้ มูลค่ารวม 2.5-3 พันล้านบาท ในรูปแบบผสมคอนโดมิเนียมและวิลล่า เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการที่หลากหลาย…..รองรับความมั่นใจของผู้บริหารได้พอสมควร…ถ้าทำได้ตามนั้น

เพราะท้ายสุด กำไรที่ซ่อนเอาไว้ฝนรูปหนี้ที่ไม่มีดอกเบี้ย จะโผล่ออกมาทักทายในช่วงต่อไป ….ไม่เชื่อ ห้ามลบหลู่

เป้าหมายแบบ “ไต่ฟ้า คว้าดาว” เพื่อเป็นเบอร์หนึ่ง “อสังหาฯทางเลือก” ของภูเก็ต จึงน่าติดตามกันว่าจะ “โป๊ะเชะ” แค่ไหน

อิ อิ อิ

Back to top button